Page 17 - ข้อเสนอแนะการเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
P. 17
๔) ซีรีน : กรณีเด็กหญิงถูกข่มขืนและถูกบังคับแต่งงาน
ซีรีน อายุ ๑๔ ปี เป็นเด็กหญิงมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เธอถูกชายข้างบ้านข่มขืน พ่อแม่ของเธอได้ไป
แจ้งความที่สถานีต�ารวจภูธรอ�าเภอ ชายที่ข่มขืนเธออ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าเขากับเธอรักใคร่ชอบพอกัน และการมีเพศสัมพันธ์
เป็นความพอใจของทั้งสองฝ่าย ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล เขาให้การต่อดะโต๊ะยุติธรรม เช่นเดียวกัน และเขายินดีที่
จะแต่งงานกับเธอตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งดะโต๊ะยุติธรรมและพ่อแม่ของเธอก็เห็นด้วยเพื่อที่จะจัดการแต่งงานที่ถูกต้อง
ตามศาสนาอิสลาม และเพื่อให้พ้นจากความอับอาย
ซีรีนไม่กล้าคัดค้านการแต่งงานต่อหน้าศาลเพราะเธอมีความรู้สึกหวาดกลัวมาก ผู้พิพากษาหญิงในศาลสังเกตว่า
ซีรีนมีอาการหวาดกลัว และไม่ยอมตอบค�าถามใดๆ ในศาล ขณะที่จ�าเลยพยายามพูดชี้น�าตลอด อีกทั้งยังสังเกตว่าในห้อง
พิจารณาคดี นอกจากมีผู้เสียหายและพ่อแม่ กับจ�าเลยและทนายแล้ว ยังมีผู้หญิงและเด็กอีกสองคนนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีด้วย
ผู้พิพากษาหญิงจึงได้ขอพักการพิจารณาคดี และสอบถามความยินยอมของซีรีนเป็นการส่วนตัวด้วยความใส่ใจ ซีรีนจึงได้เล่า
ให้ศาลฟังว่า ผู้หญิงและเด็กที่นั่งอยู่เป็นภรรยาและบุตรของชายที่ข่มขืนเธอ และพวกเขาบังคับให้ซีรีนยอมรับว่าชอบพอกัน
และยินดีที่จะแต่งงาน เพื่อให้ผู้ข่มขืนไม่ต้องรับโทษ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะท�าร้ายเธอ
ในที่สุด ผู้พิพากษาหญิงจึงพิพากษาว่าเด็กหญิงซีรีนถูกข่มขืนกระท�าช�าเราโดยการบังคับข่มขืนใจ ศาลจึงไม่อนุญาต
ให้แต่งงาน และลงโทษจ�าคุกจ�าเลย ๑๕ ปี ตามกฎหมาย
๕) มาเรีย : กรณีความรุนแรงทางเพศต่อเด็กหญิง
“ฉันชื่อมาเรีย... เมื่อยายรู้ว่าฉันถูกข่มขืนโดยผู้ชายในหมู่บ้านจึงไปแจ้งกับผู้น�าในชุมชน ซึ่งผู้น�าในชุมชนไม่ได้แนะน�า
ให้ยายไปแจ้งความเพื่อด�าเนินคดีกับคนที่ข่มขืนฉัน เพียงแต่ให้เขาจ่ายค่าเสียหายให้กับยายของฉันเพื่อให้เรื่องราวจบลง
โดยไม่ต้องถึงมือต�ารวจเป็นคดีความกัน.. ฉันไม่ได้รับการดูแลแต่อย่างใด ไม่มีใครสนใจว่าควรจะพาฉันไปตรวจร่างกายประเมิน
ความเสียหายหรือป้องกันไม่ให้ตั้งท้อง ดูเหมือนว่าในชุมชนจะมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นและสร้างบาดแผลทั้งทางกายและจิตใจ
แก่ฉันนั้นเป็นเรื่องปกติ ที่สามารถจะแก้ไขให้จบลงได้ด้วยการตัดสินใจของผู้น�าในชุมชน...
ต่อมาอีกสองสามเดือน... ฉันได้ตั้งท้อง ผู้น�าชุมชนจึงให้ผู้ชายที่ข่มขืนแต่งงานกับฉันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยไม่มี
ใครค�านึงถึงความรู้สึกหรือถามถึงความต้องการของฉันที่ยังเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่ง แต่ทุกคนคิดแต่เพียงว่าเด็กในท้อง
ต้องมีพ่อ ไม่ว่าเขาจะเกิดมาด้วยวิธีใดก็ตาม… ฉันถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่แก่กว่าพ่อของฉัน และไม่เคยคิดที่จะรับเลี้ยง
ดูฉันเช่นภรรยา..
ฉันต้องแบกภาระตั้งท้องจากการกระท�าของเขา ฉันไม่กล้ามองหน้าใครในหมู่บ้าน เพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะ
ประณามว่าฉันเป็นคนผิด… น่าแปลกที่เด็กหญิงในวัย ๑๔ ปีต้องยอมทนกับการท�าร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจจากคนใน
ชุมชน ฉันไม่สามารถที่จะทนอยู่ต่อไปได้ในหมู่บ้านที่ทุกคนได้ตัดสินลงโทษฉัน วันหนึ่งฉันจึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้าน
และชุมชนที่ไม่มีใครให้ความยุติธรรมแก่เด็กหญิงอย่างฉัน คงยังมีเด็กหญิงที่เผชิญชะตากรรมเช่นฉันอีกมาก และอีกนานสัก
เท่าใดที่พวกเราจะได้เข้าถึงความยุติธรรม”
6 ข้อเสนอแนะ การเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้