Page 606 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 606

582



                         -การเลือกปฏิบัติในภาครัฐกับภาคเอกชน   ผลการวิเคราะห์ในบทที่ 4 ชี้ให้เห็นว่า หลักความ

                  เสมอภาคและการห้ามเลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของหลายประเทศจะมีผลบังคับในเชิงแนวตั้ง (Vertical
                  Application) กล่าวคือใช้กับความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐกับเอกชน ซึ่งเอกชนอาจยกสิทธิที่จะไม่ถูกเลือก
                  ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญขึ้นยันต่อรัฐหากมีการกระท าของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นการเลือก
                  ปฏิบัติ  อย่างไรก็ตาม  รัฐธรรมนูญของบางประเทศอาจสามารถน ามาบังคับใช้ในเชิงแนวนอน (Horizontal

                  Application) ในการควบคุมภาคเอกชนที่กระท าการเลือกปฏิบัติต่อเอกชนด้วยกันได้  ส าหรับกรณีของ
                  ไทยนั้น รัฐธรรมนูญมิได้ก าหนดให้มีผลในเชิงแนวนอน  โดยหลักแล้วเอกชนจึงไม่อาจยกหลักการตาม
                  รัฐธรรมนูญขึ้นอ้างยันเอกชนด้วยกันได้  แต่หลักการตามรัฐธรรมนูญมีผลในทางอ้อมต่อเอกชนที่ถูกเลือก
                  ปฎิบัติจากเอกชนด้วยกันโดยรัฐต้องตรากฎหมายเพื่อห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติในภาคเอกชน

                         ดังนั้น ในแง่นี้ ปัญหาการครอบคลุมทางกฎหมายในกรณีการเลือกปฎิบัติอาจจ าแนกได้สองกรณี
                          กรณีแรก  การเลือกปฏิบัติจากภาครัฐ เช่น กฎเกณฑ์ กฎระเบียบ หรือการเลือกปฏิบัติที่เกิดจาก
                  องค์กรของรัฐ การกระท าของเจ้าหน้าที่รัฐ   กรณีเหล่านี้หากไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือก
                  ปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน อาจต้องพิจารณาตามกรอบกฎหมายอื่น เช่นกฎหมายปกครอง

                         กรณีที่สอง การเลือกปฏิบัติในภาคเอกชน เช่น การกระท าในความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้าง
                  ลูกจ้าง  หรือการเลือกปฏิบัติในบริบทอื่น เช่น การปฎิเสธการให้บริการหรือการจ าหน่ายสินค้า การจ ากัด
                  สิทธิในการเข้าถึงบริการหรือสถานที่ของภาคเอกชนต่างๆ  หากเกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติแล้วก็

                  จัดอยู่ในขอบเขตของการเลือกปฏิบัติได้    จากผลการวิจัยเปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศเช่น
                  แอฟริกาใต้แล้วพบว่า รัฐธรรมนูญของไทยไม่ได้บัญญัติไว้ชัดเจนดังเช่นรัฐธรรมนูญของแอฟริกาใต้ ซึ่ง
                  จ าแนกหลักการห้ามเลือกปฏิบัติออกเป็นสองกรณี ได้แก่ การเลือกปฏิบัติที่กระท าโดยรัฐ ซึ่งห้ามรัฐกระท า
                  การเลือกปฏิบัติต่อประชาชน  และ การเลือกปฏิบัติที่กระท าโดยภาคเอกชน ซึ่งก าหนดหน้าที่ให้รัฐตรา
                  กฎหมายห้ามการเลือกปฏิบัติที่กระท าโดยภาคเอกชน  ส าหรับรัฐธรรมนูญของไทยนั้นเป็นการวางหลักห้าม

                  เลือกปฏิบัติทั่วไปซึ่งตีความตามหลักการของรัฐธรรมนูญแล้วจะครอบคลุมเฉพาะการอ้างยันต่อรัฐเท่านั้น
                  แต่ทั้งนี้โดยนัยของหลักการตามรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐก็มีหน้าที่ตรากฎหมายห้ามเลือกปฏิบัติที่เกิดจาก
                  ภาคเอกชนด้วย ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกับรัฐธรรมนูญแอฟริกาใต้ เพียงแต่รัฐธรรมนูญแอฟริกาใต้ก าหนดลง

                  ไปในตัวบทอย่างชัดเจนว่าให้รัฐมีหน้าที่ในการตรากฎหมายเฉพาะเพื่อคุ้มครองผู้ถูกเลือกปฏิบัติและห้าม
                  การเลือกปฏิบัติในภาคเอกชน
                         อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากกฎหมายไทยที่มีอยู่ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีปัญหากรณี การเลือก
                  ปฏิบัติในภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้า บริการ ซึ่งมีการปฎิเสธสินค้าหรือการให้บริการด้วย

                  เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติที่กฎหมายเฉพาะดังกล่าวในตารางข้างต้นไม่ครอบคลุมถึง เช่น การปฎิเสธไม่
                  จ าหน่ายสินค้าหรือไม่ให้บริการบุคคลด้วยเหตุเชื้อชาติ ศาสนา หรือกรณีเหตุแห่ง “ความคิดเห็นอื่นหรือ
                  ความเชื่อ” เช่นจากกรณีตุ๊กตาลูกเทพ เป็นต้น   หรือจาการสัมภาษณ์มีผู้ให้ข้อมูลว่า “ร้านนวดบางแห่งไม่
                  ให้บริการแก่คนไทย  ให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน /เกาหลี เท่านั้น”     “ร้านอาหารบางแห่งเปิด

                  ให้บริการเฉพาะทัวร์จีนเท่านั้น ลูกค้าคนไทยไม่ต้อนรับ”   “บริการขนส่ง  รถแท็กซี่ ปฎิเสธไม่รับผู้โดยสาร
                  คนไทย  โดยให้บริการเฉพาะชาวต่างชาติ” “รถสามล้อ ปฎิเสธไม่รับผู้โดยสารคนไทย”      กรณีนี้จะเห็น
                  ได้ว่า เป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่ง “เชื้อชาติ หรือ สัญชาติ”  ในมิติของการให้บริการ  ซึ่งไม่มีกฎหมาย
   601   602   603   604   605   606   607   608   609   610   611