Page 486 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 486

462





                           4.15.6 คดีส าคัญเกี่ยวกับ “Hate Speech” ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

                           จากกฎหมายระหวํางประเทศดังกลําวจะเห็นได๎วํา ตามกฎหมายระหวํางประเทศเกี่ยวกับสิทธิ

                   มนุษยชนนั้น รับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการสื่อสาร ในฐานะสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่
                   สําคัญและเป็นหลัก แตํมีการกําหนดข๎อยกเว๎นบางประการสําหรับการกระทําของรัฐที่อาจกระทบเสรีภาพ
                   ดังกลําว ตัวอยํางเชํน กติการะหวํางประเทศวําด๎วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข๎อ 19 (3)  เป็น

                   ข๎อยกเว๎นของ 19 (2) และข๎อ 20

                           กฎหมายระหวํางประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนนั้น มีการบัญญัติคําวําเสรีภาพของการแสดงความ

                   คิดเห็นหรือการแสดงออกไว๎อยํางชัดเจน แตํ ไมํมีการระบุคําวํา “Hate  Speech”  ไว๎โดยเฉพาะ หาก
                   พิจารณาข๎อจํากัดของการแสดงความคิดเห็นตามกฎหมายระหวํางประเทศนั้นพบวํา จะมุํงเน๎นกรณีการ
                   สื่อสารที่ “กระตุ๎น หรือ ยุยง” (Incitement) ให๎กํอให๎เกิดการกระทําบางอยําง เชํน การเลือกปฏิบัติ ความ
                   รุนแรง


                           สําหรับการตีความข๎อ 20 นั้น ในปี 2011 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงสหประชาชาติ
                   (United Nations Human Rights Committee) เผยแพรํความเห็นทั่วไปเกี่ยวกับกติการะหวํางประเทศวํา

                   ด๎วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (General Comment No. 34 on the ICCPR) ให๎เหตุผลวํา Hate
                   Speech ในหลายๆกรณีนั้นยังไมํนําจะมีความร๎ายแรงถึงระดับในข๎อ 20


                           ในปี 2012 Frank La Rue ผู๎ตรวจการพิเศษแหํงสหประชาชาติวําด๎วยเสรีภาพในการแสดงความ
                   คิดเห็นและ เสรีภาพในการแสดงออกได๎เสนอรายงานตํอที่ประชุมสมัชชาใหญํแหํงสหประชาชาติ ครั้งที่ 67
                   ในวันที่ 7  กันยายน 2012  ในประเด็นการตีความ “การยั่วยุให๎เกิดความเกลียดชัง”  (Incitement  to

                   Hatred) ตามข๎อ 20 (2) วํา

                           “การรณรงค์ด๎วยความเกลียดชังบนพื้นฐานของ สัญชาติ  เชื้อชาติ  หรือศาสนานั้นยังไมํเป็นการ

                   ละเมิดตํอกฎหมายระหวํางประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แตํการรณรงค์ดังกลําวจะเป็นการละเมิดเมื่อมี
                   การยั่วยุให๎เกิดการดูถูกเหยียดหยาม, ความเป็นศัตรู หรือความรุนแรง หรือเมื่อผู๎พูดพยายามปลุกเร๎าให๎เกิด
                   การตอบสนองในหมูํผู๎ฟัง


                           เนื่องจากข๎อ 20 (2) ใน ICCPR ได๎ระบุวํา การรณรงค์ด๎วยความเกลียดชังทางสัญชาติ, เชื้อชาติหรือ
                   ศาสนาเพื่อยั่วยุให๎เกิดการดูถูกเหยียดหยาม,  ความเป็นศัตรู  หรือความรุนแรงสามารถถูกจํากัดได๎ตาม

                   กฎหมาย จึงจําเป็นอยํางยิ่งที่จะต๎องทําให๎เกิดความเข๎าใจในการให๎นิยามของคําศัพท์ที่ ใช๎ เพื่อปูองกันการ

                   ใช๎กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหวํางประเทศอยํางผิดวัตถุประสงค์  การตีความนี้ประกอบไปด๎วยสาม
                   องค์ประกอบหลักคือ
   481   482   483   484   485   486   487   488   489   490   491