Page 62 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 62

บทที่ ๒ ผลการด�าเนินงานประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐




                (๗)  การแบ่งประเภทการท�าเหมือง (ร่างมาตรา ๔๙) และการรวมประทานบัตรเป็นเขตเหมืองแร่เดียวกัน (ร่างมาตรา
            ๕๗) มีข้อเสนอแนะให้ (๗.๑) การแบ่งประเภทการท�าเหมือง นอกจากพิจารณาเงื่อนไขในด้านขนาดพื้นที่ของการท�าเหมือง
            แล้ว ควรพิจารณาเงื่อนไขของชนิดแร่ ปริมาณแร่ มูลค่าแร่ อัตราการผลิต วิธีการท�าเหมือง ผลกระทบที่อาจเกิดต่อชุมชน
            คุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ และบริเวณที่ตั้งของการท�าเหมืองประกอบด้วย และ (๗.๒) ควรแก้ไข

            ร่างมาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๗ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เข้าข่ายการท�า
            เหมืองประเภทที่สอง ทั้งนี้ ในการรวมประทานบัตรหลายฉบับซึ่งอยู่ติดกันเป็นเขตเหมืองแร่เดียวกัน ให้เป็นอ�านาจของ
            เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจ�าท้องที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่กรณีเป็นผู้พิจารณาก�าหนด             บทที่ ๒



                (๘)  กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการก�าหนดนโยบาย แผน การออกอาชญาบัตร ประทานบัตรและใบ
            อนุญาตอื่น ๆ ควรบัญญัติขั้นตอน และกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่และผู้มีส่วนได้เสียไว้
            ในร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ให้ชัดเจน โดยก�าหนดหมวดว่าด้วยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียขึ้นเป็นการเฉพาะ
            โดย (๘.๑) ก�าหนดหลักการ กระบวนการและวิธีการเพื่อจัดให้ชุมชน ประชาชน ผู้มีส่วนได้เสีย และองค์กรปกครองส่วน

            ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนต่าง ๆ และ (๘.๒) มีกลไกในการหาข้อยุติเมื่อเกิดกรณีข้อพิพาท


                (๙)  การโอนประทานบัตร ใบอนุญาตแต่งแร่และใบอนุญาตประกอบโลหกรรม (ร่างมาตรา ๖๗ และมาตรา ๑๑๐)
            ควรก�าหนดห้ามมิให้มีการโอนประทานบัตร ใบอนุญาตแต่งแร่ และใบอนุญาตประกอบโลหกรรม เว้นแต่ผู้รับโอนจะมี

            คุณสมบัติและเงื่อนไขเฉพาะเช่นเดียวกันหรือไม่น้อยกว่าผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้โอน


                (๑๐) ความรับผิดของผู้รับสัมปทานเหมือง (ร่างมาตรา ๘๕ และมาตรา ๑๓๑) ควรแก้ไขร่างมาตรา ๘๕ และมาตรา ๑๓๑
            โดยไม่ต้องจ�ากัดความรับผิดชอบของผู้รับสัมปทานเหมืองใต้ดินไว้เฉพาะในเขตสัมปทานเท่านั้น กรณีที่เกิดการทรุดของพื้นดิน

            ลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริเวณใกล้เคียงกับเขตสัมปทาน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าการทรุดตัวของพื้นดินนั้นเกิดจาก
            การท�าเหมืองใต้ดิน และให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นผู้พิจารณาในลักษณะเดียวกับในเขตสัมปทาน และ
            ควรน�าหลักการสันนิษฐานความรับผิดมาใช้ในการท�าเหมืองแร่ทุกประเภท มิใช่เฉพาะกรณีการท�าเหมืองแร่ใต้ดิน



                (๑๑) การท�ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและขอความเห็นชอบไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วน�าเขตเหมืองดังกล่าวมาจัด
            ประมูล (ร่างมาตรา ๑๓๒) ควรพิจารณาความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕


                (๑๒) การวางหลักประกันและการจัดตั้งกองทุน เพื่อฟื้นฟูการท�าเหมืองและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการท�า

            เหมือง (ร่างมาตรา ๖๔ (๙)) มีข้อเสนอแนะให้ (๑๒.๑) ก�าหนดให้ตัวแทนชุมชน ผู้ได้รับผลกระทบ และชุมชนรอบเหมืองมี
            ส่วนร่วมในการก�ากับการบริหารจัดการและการด�าเนินการของกองทุนด้วย และ (๑๒.๒) ก�าหนดให้สามารถใช้งบประมาณ
            เพื่อการฟื้นฟู เยียวยาผลกระทบจากการท�าเหมืองทันทีเมื่อมีผลกระทบเกิดขึ้นโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ นอกจากนั้น
            ควรแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในหมวดว่าด้วยกองทุน

            สิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน


                (๑๓) การก�าหนดกรอบ เงื่อนไข รวมทั้งกระบวนการของฝ่ายบริหารในการออกอนุบัญญัติตามร่างพระราชบัญญัติแร่
            พ.ศ. .... มีข้อเสนอแนะให้ (๑๓.๑) ควรก�าหนดกรอบ และเงื่อนไขการออกอนุบัญญัติให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจ

            ในการออกอนุบัญญัติ และ (๑๓.๒) ควรก�าหนดให้การออกอนุบัญญัติ ต้องจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและ
            ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงการก�าหนดให้มีการประเมินผลกระทบจากการออกกฎหมาย (Regulatory Impact Assessment :
            RIA)



                                                                               คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  | 61
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67