Page 208 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 208

บทที่ ๖ การประเมินสถานการณ์ด้าน
                                                                                             สิทธิมนุษยชนใน ๕ ประเด็นร่วม



                     ๓.๓ ในการด�าเนินคดีกับประชาชนในความผิดตามกฎหมายป่าไม้ ควรพิจารณาข้อเท็จจริงแวดล้อมประกอบ
            เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจ เจตนากระท�าความผิด มูลเหตุจูงใจ และความเสียหายของพื้นที่ เนื่องจากผลจากการตรวจสอบ
            ข้อเท็จจริงในหลายกรณีของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพบว่า เมื่อประชาชนต้องถูกบังคับให้ออกจากพื้นที่อยู่
            อาศัยและท�ากิน กลับต้องลักลอบเข้าอยู่อาศัยและท�ากินในพื้นที่เดิมเนื่องจากไม่สามารถด�ารงชีพอยู่ได้ด้วยวิธีอื่น หรือใน

            พื้นที่อื่น รัฐควรประกันการมีงานท�าหรือการมีอาชีพของประชาชนและมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอส�าหรับ
            ตนเองและครอบครัว ทั้งนี้ ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ข้อ ๖ และข้อ ๑๑


                  ๔. ให้มีการบูรณาการแผนด�าเนินงานด้านต่าง ๆ ของหน่วยงานของรัฐ ระหว่างแผนงานตามยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน

            เข้ากับแผนงานด้านสิทธิมนุษยชนตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ ๓ และแผนด�าเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนา
            ที่ยั่งยืน (SDGs)


            ๖.๕ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน



            ภาพรวม


                  ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิและความรับผิดชอบของปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์กรของสังคมในการส่งเสริมและ

            คุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสากล (Declaration on Human Rights and
            Responsibility of Individuals, Groups and Organs of Society to Promote and Protect Universally Recognized
            Human Rights and Fundamental Freedoms : Declaration on Human Rights Defenders) ได้ให้ค�าจ�ากัดความ
            ของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนว่าหมายถึงบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ส่งเสริมและต่อสู้เพื่อให้เกิดการคุ้มครอง และตระหนักถึง

            สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ  ซึ่งรัฐแต่ละรัฐมีความรับผิดชอบ
                                                                                ๓๙๖
            และหน้าที่ในเบื้องแรกที่จะคุ้มครอง ส่งเสริม และน�าสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานไปปฏิบัติ  แม้ว่าปฏิญญา
                                                                                               ๓๙๗
            ดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดพันธะกรณีระหว่างประเทศ แต่เนื่องจากสหประชาชาติให้การรับรอง และประเทศไทยได้ร่วมอุปถัมภ์
            (co-sponsor) ร่างข้อมติพร้อมสนับสนุนการรับรองข้อมติดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการสนับสนุนเนื้อหาของ

            ปฏิญญาฉบับนี้ ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงมีพันธกรณีด้านจริยธรรมที่จะเคารพหลักการที่ปรากฏในปฏิญญาฯ ๓๙๘
                  ที่ผ่านมา นักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้ถูกคุกคามในหลายรูปแบบ เช่น การวิสามัญฆาตกรรม การถูกบังคับให้สูญหาย
            การใช้การด�าเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน (Strategic Litigation Against Public
            Participation: SLAPP) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังปรากฏว่ามีการบังคับใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘

            ไปในทางที่จ�ากัดเสรีภาพของการแสดงออกด้วย  ในส่วนของ กสม. ได้รับค�าร้องเรียนเกี่ยวกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
                                                   ๓๙๙
            ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๕๙ จ�านวน ๑๑ ค�าร้อง ซึ่งมีประเด็นกล่าวอ้างว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชน
            ได้หายตัวไป ถูกลอบสังหาร ถูกข่มขู่คุกคามจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ  โดยในปี ๒๕๖๐ ยังคงได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ
                                                                 ๔๐๐
            นักปกป้องสิทธิมนุษยชน จ�านวน ๓ ค�าร้อง  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและจัดท�ารายงานการตรวจสอบการละเมิด
                                              ๔๐๑
            สิทธิมนุษยชน โดยมีเหตุการณ์ที่ส�าคัญ เช่น กรณีนายไมตรี จ�าเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ใกล้ชิด   บทที่
                                                                                                                   ๖
            นายชัยภูมิ  ป่าแส  ได้เข้าพบและยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องของนายชัยภูมิฯ  ต่อ  มร.มิเชลล์  ฟอร์ส


            ๓๙๖  ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิและความรับผิดชอบของปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์กรของสังคมในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสากล ข้อ ๑.
            ๓๙๗  ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิและความรับผิดชอบของปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์กรของสังคมในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสากล ข้อ ๒.
            ๓๙๘  จาก แนวทางปฏิบัติและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เอกสารล�าดับที่ ๒ ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิและความรับผิดชอบของปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และ
                องค์กรของสังคมในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสากล (น.๓), โดย ส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ๒๕๔๖.
            ๓๙๙  ประชาไท .(๒๕๖๐). เครือข่ายนักปกป้องสิทธิฯ ร้องผู้รายงานพิเศษ UN เผยหลังรัฐประหารถูกคุกคามหลายร้อยกรณี. สืบค้นจาก http://prachatai.com/journal/2017/05/71704
            ๔๐๐  จากรายงานประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปี ๒๕๕๙ โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ๒๕๖๐, กรุงเทพฯ : ส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
            ๔๐๑  ค�าร้องที่ ๓๖๓/๒๕๖๐ ค�าร้องที่ ๒๔๗/๒๕๖๐ ค�าร้องที่ ๒๑๕/๒๕๖๐

                                                                                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  | 207
   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212   213