Page 74 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 74
๕๗
ที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก ซึ่งพอสรุปรูปแบบ (pattern) ของการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ได้ ดังนี้
■ เป็นการกระท าโดย “ใช้ก าลัง” หรือ “ความรุนแรง” ต่อชีวิตร่างกาย จิตใจ
และทรัพย์สินของบุคคล โดยการบุกรุกและตรวจค้นบ้านของบุคคลที่เป็นเป้าหมาย และน าไปสู่การ
ควบคุมตัวหรือลักพาตัวบุคคลที่เป็นเป้าหมายต่อไปในที่สุด ดังเช่น กรณีการสูญหายไปของ
นาย José Fortino Martinez Martinez ที่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชนาวีใช้ก าลังพังประตูบ้าน
ของ Martinez อีกทั้งยังใช้ก าลังจับตัวนาย Martinez ไป หรือกรณีการสูญหายไปของ
นาย Hernandez Garcia และนางสาว Rueda Garcia ซึ่งชายจ านวนหนึ่งในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่
ต ารวจสหพันธรัฐ (Federal Police) พังประตูบ้านป้าของนางสาว Rueda Garcia และจับตัวเยาวชน
ทั้งสองคนไป หรือกรณีการสูญหายไปของนาย Moises Gamez Almanza ซึ่งเจ้าหน้าที่ต ารวจพยายาม
ข่มขู่หรือพูดให้ครอบครัวของนาย Gamez หวาดกลัวและน าเงินค่าไถ่ไปจ่ายให้แก่ผู้ลักพาตัวในที่สุด
นอกจากนี้ ในการสูญหายของประชาชนในแทบทุกกรณี เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้กระท าการมักจะมีหรือ
ติดอาวุธ (armed) ร่วมด้วยในการปฏิบัติการ
■ เป็นการด าเนินการตาม “อ าเภอใจ” (arbitrarily detained) ของ
ผู้ปฏิบัติการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กล่าวคือ การปฏิบัติการที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือผลกระทบต่อ
บุคคลเป้าหมายหรือครอบครัวของเขามิได้มีเหตุผลอ้างอิงบนพื้นฐานของกฎหมายหรือกฎระเบียบตาม
กฎหมายแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ ในการปฏิบัติการ ผู้ปฏิบัติการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่มีการชี้แจง
หรืออธิบายถึงเหตุของการกระท าอันชอบด้วยกฎหมาย (without probable cause)
หรือแสดงเอกสารหรือหมายค้น (without search warrant) ก่อนที่จะตรวจค้นบ้านหรือทรัพย์สินใดๆ
ของบุคคลผู้เป็นเป้าหมายหรือครอบครัวของบุคคลนั้น หรือไม่มีหมายจับกุมบุคคลใด
(without arrest order) ดังจะเห็นได้ในกรณีการสูญหายของบุคคลต่างๆ แทบทุกกรณี อีกทั้ง
ผู้ปฏิบัติการหรือเจ้าหน้าที่มักจะกระท าการโดย “ปิดบัง” หรือ “อ าพราง” ใบหน้า เพื่อมิให้บุคคล
ที่เป็นเป้าหมายของการจับหรือกักตัว ญาติ หรือครอบครัวของบุคคลนั้นรู้ถึงตัวผู้ปฏิบัติการหรือเจ้าหน้าที่
ของรัฐนั้น หรือจดจ าใบหน้าของบุคคลนั้นได้
■ เป็นการด าเนินการที่มีลักษณะของ “การตระเตรียมการ” (planed)
ไว้ล่วงหน้า และมี “การด าเนินการร่วมกัน” (coordinated) และเป็นขั้นเป็นตอนในระหว่างบุคคลหรือ
เจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเป็นการด าเนินการ “อย่างเป็นระบบ” (systematic) ดังจะ
เห็นได้ว่าการด าเนินการลักพาตัวหรือกักตัวบุคคลที่เป็นเป้าหมายนั้นในแต่ละกรณีมีการด าเนินการร่วมกัน
อย่างเป็นระบบระหว่างผู้ปฏิบัติการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือเจ้าหน้าที่
ต ารวจมลรัฐหรือเจ้าหน้าที่ต ารวจสหพันธรัฐ ทั้งในขั้นตอนของการด าเนินการควบคุมตัวบุคคลผู้เป็น
เป้าหมาย เช่น การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อ านาจบุกรุกเข้าไปในบ้านของบุคคลผู้เป็นเป้าหมาย ตรวจค้น
ทรัพย์สินในบ้านของบุคคลนั้น ข่มขู่หรือใช้ก าลังควบคุมตัวบุคคลนั้นไปโดยมิชอบ ข่มขู่มิให้ครอบครัวของ
ผู้ถูกควบคุมตัวนั้นติดตามหาตัวบุคคลนั้น และในขั้นตอนภายหลังการควบคุมตัวบุคคลโดยมิชอบนั้นแล้ว
เช่น การไม่เต็มใจรับแจ้งความหรือลงบันทึกการแจ้งหรือการร้องเรียนของครอบครัวของบุคคลผู้สูญหาย
การไม่เริ่มด าเนินการสอบสวนหรือพยามถ่วงเวลาการเริ่มด าเนินการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่มีอ านาจ
หน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การโยนกันไปมาในการรับหรือลงบันทึกเรื่องร้องเรียนในระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง