Page 58 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 58
พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
Human Rights Obligations of the ASEAN Community
พ.ศ. ๒๕๕๕ ด้วยข้อเท็จจริงและข้อพิจารณาดังกล่าว การวิเคราะห์ในบทนี้จึงแยกออกเป็นสามส่วนหลัก โดยส่วนแรก
เป็นการวิเคราะห์ตราสารสิทธิมนุษยชนที่มีลักษณะเป็นพันธกรณีทางการเมืองซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจ�านวนมากที่สุด ในส่วนที่สอง
จะวิเคราะห์ตราสารที่สร้างพันธกรณีทางกฎหมาย และในส่วนสุดท้ายจะวิเคราะห์ข้อจ�ากัดในการจัดท�าตราสารสิทธิมนุษยชน
ทั้งที่เป็นตราสารทางการเมืองและตราสารทางกฎหมาย
ก่อนเข้าสู่เนื้อหาการวิเคราะห์ จ�าเป็นต้องสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับนิยามของค�าที่ใช้ในการวิเคราะห์
ได้แก่ ค�าว่า “พันธกรณี” และ “ตราสาร” โดยค�าว่า
• “พันธกรณี” หรือ Obligation หรือ Commitment สื่อถึงข้อผูกมัดหรือหน้าที่ซึ่งอาจเป็นข้อผูกมัด
ที่ก่อให้เกิดผลทางกฎหมาย (มีกลไกทางกฎหมายรองรับกรณีมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อผูกมัดหรือหน้าที่
ดังกล่าว) หรือทางการเมือง (ไม่มีกลไกหรือกระบวนการทางกฎหมายรองรับ แต่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาหรือการ
ตอบโต้ทางการเมืองกรณีมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อผูกมัดหรือหน้าที่)
• ส่วนค�าว่า “ตราสาร” หรือ Instrument เป็นเอกสารที่แสดงออกถึงเจตนารมณ์ของคู่กรณีที่ร่วมจัด
ท�าตราสาร ทั้งนี้ ตราสารอาจปรากฏได้ในหลายรูปแบบและใช้ชื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น กฎบัตร อนุสัญญา
ปฏิญญา ค�าประกาศ บันทึก มติ เป็นต้น โดยตราสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในทางระหว่างประเทศจะเรียกว่า
“สนธิสัญญา” หรือ Treaty และมีหลักเกณฑ์ก�ากับในการจัดท�า แสดงเจตนาผูกพัน ตีความและบังคับใช้โดยเฉพาะ
ซึ่งจะกล่าวถึงโดยละเอียดในหัวข้อ ๕.๒ ต่อไป
๕.๑ ตราสารทางการเมือง
ดังที่ได้ระบุในตอนต้นของบทนี้แล้วว่า สาเหตุที่ต้องเริ่มการวิเคราะห์พันธกรณีของอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชน
จากกลุ่มตราสารที่แสดงเจตจ�านงทางการเมือง (Political instruments) ที่ไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายเนื่องจาก
ข้อเท็จจริงที่ว่า ตราสารในกลุ่มนี้มีจ�านวนมากกว่าตราสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมายมาก นอกจากนั้น ยังสอดคล้องกับ
ข้อเท็จจริงว่า การพัฒนาตราสารด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียนมีที่มาจากการจัดท�าตราสารทางการเมืองที่น�าไปสู่การพัฒนา
ตราสารทางกฎหมายในแต่ละเรื่อง ทั้งนี้ ในการค้นคว้าข้อมูลตราสารสิทธิมนุษยชนในรายงานฉบับนี้จ�ากัดเฉพาะตราสาร
ที่มีการประกาศหรือรับรอง (Adopt) โดยที่ประชุมสุดยอดผู้น�าอาเซียน (ASEAN Summit) เท่านั้น เนื่องจากมติของ
ที่ประชุมผู้น�าถือเป็นเครื่องบ่งชี้เจตจ�านงทางการเมืองที่สามารถอ้างอิงได้ต่อประเทศสมาชิก โดยไม่รวมตราสารที่ประกาศ
43
หรือรับรองโดยองค์กรอื่น ๆ เช่นที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (AMM)
43
ตราสารทางการเมืองในรูปแบบปฏิญญาที่ออกโดยองค์กรอื่นที่มิใช่ที่ประชุมสุดยอดผู้น�าอาเซียน โดยเฉพาะที่ประชุมรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลายกรณีมีผลเป็นการสร้างกลไกและมาตรฐานที่น�าไปสู่การพัฒนาสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ ในอาเซียนได้
เช่นกัน เช่น ปฏิญญาว่าด้วยความก้าวหน้าของสตรีในภูมิภาคอาเซียน (Declaration of the Advancement of Women in the ASEAN
Region) ซึ่งได้รับการรับรองในปี ค.ศ. ๑๙๘๘
57
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ