Page 6 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 6

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน







                       สิทธิมนุษยชนกับสิ่งแวดล้อม


                       ตราสารระหว่างประเทศประเภท Soft Law ได้แก่ ปฏิญญาสตอกโฮล์มและปฏิญญาริโอ
               ซึ่งเป็นตราสารที่ยังไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายให้รัฐใดต้องปฏิบัติตาม มีบทบาทในเวทีกฎหมาย

               สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ในการเสนอแนะหลักการหรือแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการ
               ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความตระหนักในการปกป้องคุ้มครอง

               สิ่งแวดล้อม  และมีอิทธิพลต่อพัฒนาการประเด็นสิทธิในสิ่งแวดล้อม  ทั้งด้านสิทธิ
               เชิงเนื้อหา สิทธิเชิงกระบวนการ และสิทธิของชนพื้นเมือง (Indigenous
               Peoples) ส่งผลให้เกิดการน�าเอากลไกทางสิทธิมนุษยชนมาใช้คุ้มครอง

               สิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับระหว่างประเทศและในระดับภูมิภาค
                       ตราสารระหว่างประเทศประเภท Hard Law ที่เกี่ยวกับเรื่อง

               การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แม้ส่วนใหญ่จะรับหลักการมาจากปฏิญญาสตอกโฮล์ม
               และปฏิญญาริโอ แต่ยังไม่มีฉบับใดที่มีเนื้อหารับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมในฐานะเป็น
               สิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่ง ยกเว้นฉบับเดียว คือ กฎบัตรแอฟริกันว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

               และสิทธิของประชาชน (The African Charter on Human and Peoples’ Rights) และ
               พิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาเกี่ยวกับสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และ
               วัฒนธรรม (The Additional Protocol to the American Convention on Human Rights in the

               Area of Economic, Social, and Cultural Rights) โดยกฎบัตรดังกล่าวได้สถาปนา “สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีที่
               น่าพอใจที่เอื้อต่อการพัฒนา (Satisfactory Environment Favorable to Development)”
                       ในการน�าเอาสิทธิมนุษยชนมาใช้กับเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น ยังคงมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันซึ่งน�าไปสู่รูปแบบที่

               แตกต่างกันสองวิธี คือ รูปแบบแรก อาศัยสิทธิมนุษยชนประเภทที่มีการยอมรับและรับรองอยู่แล้วทั้งสิทธิเชิงเนื้อหาและ
               สิทธิเชิงกระบวนการ  มาใช้ปรับกับปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นรายกรณีไป  ข้อจ�ากัดของวิธีนี้  คือ  ตราบใดที่ปัญหาดังกล่าว

               ยังไม่ได้สร้างผลเสียแก่มนุษย์โดยตรงแม้จะสร้างผลเสียมหาศาลต่อสิ่งแวดล้อม ก็ไม่สามารถน�าเอากลไกทางสิทธิมนุษยชน
               มาปรับใช้ได้ เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิของมนุษย์ ไม่ใช่สิทธิของธรรมชาติ รูปแบบที่สอง อาศัยการสร้างสิทธิมนุษยชน
               ประเภทใหม่ขึ้นมาเรียกว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อม (Right to Environment) หรือสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to Good/

               Healthy/Decent Environment) ข้อจ�ากัดของวิธีนี้ คือ สิทธิในสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นที่ถกเถียงเนื่องจากประเทศ
               พัฒนาแล้วบางประเทศในภูมิภาคยุโรปและภูมิภาคอเมริกาไม่เห็นด้วยกับการสถาปนาสิทธิในสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเป็น

               สิทธิมนุษยชนประเภทใหม่



                       กำรยอมรับสิทธิในสิ่งแวดล้อมระดับสำกลและระดับภูมิภำค


                       การยอมรับสิทธิในสิ่งแวดล้อมและการบังคับใช้สิทธิมนุษยชนกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามหลักกฎหมาย
               ระหว่างประเทศในระดับสากล สามารถแยกพิจารณาเป็น ๓ กรณี ดังนี้








                                                            5
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11