Page 11 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 11

บทบำทขององค์กรสิทธิมนุษยชนและศำล


          ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ






          ถูกกระทบสิทธิแล้ว และประชาชนมีสิทธิเรียกให้รัฐคุ้มครองสิทธิในสิ่งแวดล้อมนี้ได้ ดังนั้น สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด
          ตามแนวทางนี้จึงเป็นสิทธิเชิงกลุ่มหรือสิทธิร่วมกันของประชาชน  (Collective  Right)  มีข้อสังเกตว่า  สิทธิประเภทนี้

          มักโยงเข้าไปพิจารณาร่วมกันกับสิทธิในการพัฒนา ซึ่งเป็นสิทธิเชิงกลุ่มเช่นเดียวกัน โดยถือว่าการคุ้มครองสิทธิใน
          สิ่งแวดล้อมที่สะอาดจะน�าไปสู่การเคารพ และคุ้มครองสิทธิในการพัฒนาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมกับประเทศพัฒนาน้อย
          จนถึงประเทศก�าลังพัฒนาที่ประสงค์คุ้มครองสิทธิในการพัฒนาให้ได้รับการเคารพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี สิทธิในสิ่งแวดล้อม

          ที่สะอาดอันเป็นสิทธิในเชิงบวกนี้ ยังคงได้รับการโต้แย้งจากประเทศพัฒนาแล้วว่าสิทธิดังกล่าวนี้ไม่ใช่สิทธิมนุษยชน
          เพราะขาดองค์ประกอบความเป็นสากลของสิทธิมนุษยชน
                  ๓) การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติมเต็มสิทธิมนุษยชน (Human Rights and the Environmental

          Protection) – การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมถือเป็นสิ่งที่จ�าเป็นต้องกระท�าเพื่อให้การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมีความสมบูรณ์
          ซึ่งอาจหมายถึงสิทธิในสิ่งแวดล้อม หรือสิทธิข้างเคียงของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมก็ได้ เช่น สิทธิในชีวิต สิทธิในสุขภาพ
          ดังนั้น ไม่ว่ากรณีประเทศต่าง ๆ จะยอมรับว่าเป็นสิทธิมนุษยชนหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่จ�าเป็นต้องน�าสิทธิในสิ่งแวดล้อมไป

          คุ้มครองในฐานะสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด  เพราะการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติมเต็มสิทธิมนุษยชนถือเป็นวิธีการ
          ที่ดีที่สุด และเป้าหมายของสิ่งแวดล้อมก็คือการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หากประเทศใด

          ยึดหลักในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้ดี ย่อมเป็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปด้วย
                  ๔) สิทธิเชิงกระบวนการในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นเครื่องมือส�าคัญ - เป็นสิทธิที่มีอยู่แล้วและ
          มีส่วนช่วยที่ส�าคัญที่จะท�าให้เกิดการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการคุ้มครองสิทธิในเชิงเนื้อหา ซึ่งปรากฏอยู่ใน

          ตราสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น สิทธิเชิงกระบวนการจึงเป็นสิ่งที่รัฐจะละเลย
          ไม่ได้ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ สมควรที่มีกฎหมายที่เกี่ยวกับการปรับใช้สิทธิเชิงกระบวนการภายในประเทศที่

          ชัดเจนในแต่ละประเภทกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมในระดับต่าง ๆ


                  ประเด็นที่มีควำมเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำรสร้ำงควำมเข้ำใจพื้นฐำนร่วมกัน

                  ในทำงวิชำกำร เพื่อประโยชน์ในกำรศึกษำต่อยอดในขั้นต่อไป


                  ศึกษาแนวทางการบัญญัติคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุดเพราะถือว่าเป็น

          สิ่งที่รัฐพึงกระท�าก่อนที่จะด�าเนินการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนประเภทอื่น ๆ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
          หลายสิทธิ  รวมถึงศึกษาการบังคับใช้สิทธิในสิ่งแวดล้อมของประเทศที่บัญญัติรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้แล้ว  โดยการ
          เปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญของประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศก�าลังพัฒนา

                    ศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างสิทธิทั้งหลายที่จะบัญญัติใหม่  และสิทธิที่บัญญัติไว้แล้ว  ทั้งในรัฐธรรมนูญ
          และกฎหมายระดับพระราชบัญญัติว่าจะสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไรเพื่อให้เกิดการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

          เพราะการบัญญัติคุ้มครองสิทธิใด ๆ ไว้โดยไม่สร้างความเชื่อมโยงกับสิทธิที่มีอยู่แล้ว นอกจากจะท�าให้สิทธิที่บัญญัติใหม่
          ใช้บังคับยากแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดการขัดกันระหว่างสิทธิที่มีความเหลื่อมล�้ากันไป
                    สมควรติดตามพัฒนาการของสิทธิในสิ่งแวดล้อมต่อไปว่าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นสิทธิมนุษยชนหรือไม่

          โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทขององค์การสหประชาชาติ และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ








                                                           10
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16