Page 10 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 10
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ได้แก่ ค�าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๕๒ เรื่องพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ มาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง มีเนื้อหาที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา ๖๗ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ และค�าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓๓/๒๕๕๔ เรื่องพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
มาตรา ๖ ไม่กระทบต่อสิทธิมนุษยชน และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ศาลปกครองมีอ�านาจหน้าที่พิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกฎและค�าสั่งทางปกครอง ตลอดจนการกระท�า
อันเป็นการละเมิดทางปกครองของเจ้าพนักงาน โดยหากกฎหรือค�าสั่งทางปกครองใด ๆ มีเนื้อหาเป็นการละเมิด
สิทธิมนุษยชนซึ่งได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ หรือเจ้าพนักงานมีการกระท�าทางปกครองที่มีผลเป็นการละเมิดสิทธิ
ของประชาชน กรณีพิพาทดังกล่าวย่อมตกอยู่ภายใต้เขตอ�านาจของศาลปกครอง ค�าพิพากษาของศาลปกครองเกี่ยวกับ
คดีสิ่งแวดล้อม ที่ยกมาเป็นตัวอย่างมี ๕ เรื่อง ดังนี้ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๔๑๕/๒๕๕๐ ศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การเรียก
ค่าสินไหมทดแทนจากหน่วยงานรัฐที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมเก็บรักษาและจัดการกากกัมมันตรังสี (โคบอลท์ ๖๐)
คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๑๓/๒๕๕๒ ศาลปกครองสูงสุด เรื่อง ความชอบด้วยกฎหมายของกฎที่ออกหรือเห็นชอบโดยมติ
คณะรัฐมนตรีเพื่อเยียวยาความเสียหายจากมลพิษทางเสียง สนามบินสุวรรณภูมิ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๗๔๓/๒๕๕๕
เรื่อง หน่วยงานของรัฐละเลยปฏิบัติหน้าที่ฟื้นฟูล�าห้วยคลิตี้ และละเมิดสิทธิในการได้รับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
ของชุมชน ตามรัฐธรรมนูญ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๗๓๐-๗๔๘/๒๕๕๗ เรื่อง เรียกค่าเสียหายจากละเมิดทางปกครอง
กรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะก่อให้เกิดมลพิษมีผลกระทบต่อชุมชน และคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๗๔๙-๗๖๔/๒๕๕๗ เรื่อง กรณี
เหมืองถ่านหินแม่เมาะไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่ก�าหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ส่วนคดีเรียกร้องค่าเสียหายจากการกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยอาศัยหลักกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด ก็จะเป็นคดีที่อยู่ภายใต้อ�านาจของศาลยุติธรรม ค�าพิพากษาของศาลยุติธรรมเกี่ยวกับคดี
สิ่งแวดล้อม ที่ยกมาเป็นตัวอย่างมี ๒ เรื่อง ดังนี้ คดีหมายเลขแดงที่ ๒๑๔๗/๒๕๔๗ ศาลอุทธรณ์ ภาค ๔ เรื่อง เรียก
ค่าสินไหมทดแทนกรณีโรงงานก่อมลพิษท�าให้ล�าน�้าพองเน่าและเกิดผลกระทบต่อชุมชน และคดีหมายเลขแดงที่
๕๘๑๘/๒๕๔๙ ศาลฎีกา เรื่อง สิทธิชุมชนในการฟ้องคดีสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติบริเวณอ่าวมาหยา
บทสรุปควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
หากพิจารณาความสัมพันธ์ต่อสิทธิมนุษยชนแล้ว อาจจ�าแนกสิทธิในสิ่งแวดล้อมออกเป็น ๓ ระดับ ดังนี้
๑) สิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ท�าลายสุขภาพ เป็นสิทธิในสิ่งแวดล้อมในความหมายแบบแคบ
ไม่ใช่สิทธิในสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ เป็นการผสมผสานสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้ว เช่น สิทธิในชีวิต สิทธิในสุขภาพ
เข้ามาช่วยคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เป็นสิทธิเชิงปัจเจกบุคคล (Individual Right) หมายความว่า ผู้ทรงสิทธิและผู้ถูกกระทบ
สิทธิเป็นปัจเจกบุคคลแต่ละคน มิใช่เป็นสิทธิร่วมกัน (Collective Right) การอ้างสิทธิประเภทนี้ต่อรัฐ มักจะเป็นการอ้าง
สิทธิในเชิงปฏิเสธ (Negative Rights) โดยผู้ทรงสิทธิจะเรียกร้องได้ต่อเมื่อถูกกระทบสิทธิให้อาจเสียหายหรือมีการท�าให้
เกิดความเสียหายต่อตนเอง โดยเรียกร้องให้รัฐคุ้มครองจากการที่จะไม่ถูกกระท�าความเสียหายจากการได้มีชีวิตอยู่ใน
สิ่งแวดล้อมที่ไม่ท�าลายสุขภาพเกินปกติ
๒) สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อประชาชน - เป็นสิทธิในเชิงบวก (Positive Right) รัฐจะต้องจัดให้มี
สิ่งแวดล้อมที่สะอาดปราศจากมลพิษตามมาตรฐานที่สูงที่สุดเท่าที่รัฐจะสามารถท�าได้ โดยที่ประชาชนไม่จ�าเป็นต้องได้รับ
ความเสียหายจากการถูกกระทบสิทธิ เพียงแต่รัฐไม่จัดให้มีสิ่งแวดล้อมที่สะอาดตามมาตรฐานสูงที่สุดก็ถือว่าประชาชน
9