Page 178 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 178
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ตารางที่ ๖.๓ ตราสารสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐภาคีและเกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
ตราสารสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่มีผล เนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับข้องกับสิทธิมนุษยชน
ผูกพันรัฐภาคี
๑ สนธิสัญญาแอนตาร์กติก ค.ศ. ๑๙๕๙ มาตรา ๕ ก�าหนดว่าห้ามกระท�าหรือด�าเนินกิจกรรมใด ๆ ในการ
สนับสนุนหรือปฏิเสธข้ออ้างเกี่ยวกับอ�านาจอธิปไตยเหนือดินแดน
หรือสิทธิอธิปไตยในทวีปแอนตาร์กติก
๒ สนธิสัญญาว่าด้วยกิจกรรมของรัฐในการ มาตรา ๔ ห้ามรัฐทั้งหลายติดตั้งอาวุธในอวกาศ หรือฐานนิวเคลียร์
ส�ารวจและใช้อวกาศ รวมถึงดวงจันทร์ หรืออาวุธอื่นใดที่มีอานุภาพท�าลายล้าง
และเทหวัตถุบนท้องฟ้า ค.ศ. ๑๙๖๗ มาตรา ๙ รัฐต้องเลี่ยงท�าให้เกิดการปนเปื้อนที่เป็นอันตรายบนดวงจันทร์
หรือดวงดาวอื่นใด
๓ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความรับ มาตรา ๓ ก�าหนดความรับผิดของเจ้าของเรือต้องมีความรับผิดใน
ผิดทางแพ่งส�าหรับความเสียหายอันเกิด ความเสียหายจากการบรรทุกน�้ามัน หากน�้ามันที่บรรทุกท�าให้เกิด
จากจากมลพิษของน�้ามัน ค.ศ. ๑๙๖๙ มลพิษ
๔ อนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งกองทุน ก�าหนดให้มีการตั้งกองทุนเพื่อการเยียวยาความเสียหายจากมลพิษ
ระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหาย ของน�้ามัน ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วนความรับผิดทางแพ่ง
อันเนื่องมาจากมลพิษทางน�้ามัน จากน�้ามัน
ค.ศ. ๑๙๗๑
๕ อนุสัญญาแรมซ่าว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน�้าที่มี ค�าปรารภ: ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมและ
ความส�าคัญระหว่างประเทศโดยเฉพาะ เข้าใจว่าพื้นที่ชุ่มน�้าเป็นสิ่งที่มีความส�าคัญต่อมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกน�้า มาตรา ๒ ให้รวบรวมพื้นที่ชุ่มน�้าในรายการที่ไม่กระทบต่อสิทธิ
ค.ศ. ๑๙๗๑ อธิปไตยของภาคีซึ่งอยู่ในดินแดนของพื้นที่ชุ่มน�้าที่ตั้งอยู่ อย่างไร
ก็ตาม แต่ละรัฐจะต้องก�าหนดให้มีพื้นที่ชุ่มน�้าหนึ่งพื้นที่เป็นอย่างน้อย
เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และเพื่อชดเชยการสูญเสียใด ๆ ของพื้นที่ชุ่มน�้า
อาจต้องสร้างแหล่งธรรมชาติส�ารองเพิ่มเติมส�าหรับการป้องกันของ
นกที่อยู่อาศัยด้วย
๖ อนุสัญญาว่าด้วยการปกป้องมรดกทาง อนุสัญญาฯ ยอมรับแนวคิดในการน�า “มรดกโลกเป็นสมบัติของ
วัฒนธรรมและธรรมชาติ ค.ศ. ๑๙๗๒ มวลมนุษยชาติ” มาปรับใช้กับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ มาตรา ๔
บัญญัติให้รัฐภาคีต้องรับรองว่ามีหน้าที่ในการปกป้อง อนุรักษ์ สงวน
เพื่อส่งผ่านสู่อนาคตชนส�าหรับมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ
มาตรา ๖ รับรองว่าสังคมระหว่างประเทศมีหน้าที่ร่วมกันสร้าง
มาตรการในการป้องกันความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่
มรดกโลก
177

