Page 11 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 11

แนวพระราชด�าริในโครงการพัฒนาชนบทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้น พระองค์ท่าน
        ทรงให้ความส�าคัญต่อการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเลี้ยงตนให้พออยู่พอกินได้และมีสิทธิและเสรีภาพในการด�ารงชีวิตอยู่

        ท่ามกลางธรรมชาติอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยทรงให้ความส�าคัญต่อการพัฒนาชนบทอยู่ ๒ ประการ คือ (๑) การพัฒนา
        ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งปึกแผ่นให้แก่ชุมชน (๒) การจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่จ�าเป็นต่อการผลิต เป็นต้นว่า น�้าและการจัดการที่ดี
        เพื่อให้มีน�้าพอเพียงเพาะปลูกได้ตลอดปี แต่ปัญหาของชาวชนบท คือ ความยากจนแร้นแค้น ด้วยเหตุนี้ พระองค์ท่านจึงเห็นความจ�าเป็น
        ของการมีตัวอย่างความส�าเร็จ เป็นต้นแบบของการพึ่งพาตนเองเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาน�าไปปฏิบัติใช้ ทรงใช้วิธีการ
        ที่เรียกว่า “ระเบิดจากข้างใน” ในการเตรียมชุมชนให้มีความพร้อมและเข้มแข็งด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด

        โดยสนับสนุนให้เกษตรกรใช้โคกระบือในการท�านามากกว่าใช้เครื่องจักร และใช้ปุ๋ยธรรมชาติแทนปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง
        และท�าลายคุณภาพดินในระยะยาว



                 พระราชด�าริในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนนั้น ท�าให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�าริระหว่างปี
        พ.ศ. ๒๕๐๓ – ๒๕๑๓ ขยายตัวก้าวหน้า โดยการสนับสนุนของหน่วยงานรัฐบาล ปัจจุบันโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�าริ
        เกิดขึ้นมากกว่า ๗,๐๐๐ โครงการ แบ่งได้เป็นโครงการที่ช่วยเหลือด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข สวัสดิการสังคม
        การพัฒนาดิน แหล่งน�้า และการชลประทาน โดยจุดมุ่งหมายส�าคัญของโครงการเหล่านี้ คือ การสนับสนุนให้ประชาชน
        พึ่งพาตนเองได้ในที่สุด



                 ผลส�าเร็จของงานพัฒนาจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�าริเป็นที่ประจักษ์จ�านวนมาก อย่างไรก็ดี ขอหยิบยก
        ผลส�าเร็จบางส่วนมาเป็นตัวอย่าง ดังต่อไปนี้


                 การพัฒนาทรัพยากรป่าไม้



                 ปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศที่มีการท�าลายป่า จนแหล่งต้นน�้าล�าธารถูกท�าลายไป พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
        มหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชด�าริในการแก้ไขปัญหามาต่อเนื่อง อาทิ ทรงให้ศึกษาหาความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์

        จากป่าชายเลนมาจัดการป่าไม้แบบยั่งยืน โดยทรงจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชด�าริที่อ่าวคุ้งกระเบน
        อ�าเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เพื่อศึกษาหาแนวทางผสมผสานการท�านากุ้งกับการท�านาไร่ให้สอดคล้อง
        กับสภาพแวดล้อม การขยายพันธุ์พืชป่าชายเลน ท�าให้อ่าวคุ้งกระเบนเป็นแหล่งอาหารและเป็นที่อยู่ของพืชและสัตว์น�้าหลายชนิด


                 การพัฒนาทรัพยากรน�้า



                 ปัญหาน�้าท่วม น�้าแล้ง เป็นปัญหาที่ประชาชนไทยต้องเผชิญเสมอมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
        จึงพระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน�้าขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ มีการสร้างอ่างเก็บน�้า ขุดสระ รวมทั้ง

        ขุดลอกคูคลองที่ตื้นเขินให้เป็นแหล่งกักเก็บน�้าไว้ใช้ในพื้นที่ภาคอีสานเป็นจ�านวนมาก ส�าหรับโครงการแก้ปัญหาน�้าแล้ง
        ส�าคัญที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพสูงสุด คือ โครงการฝนหลวง อันมีจุดเริ่มต้นจากการเสด็จพระราชด�าเนินไปเยี่ยมประชาชน
        ในพื้นที่ภาคอีสานเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๘ และทรงได้รับทราบถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรที่ขาดแคลนน�้าในการอุปโภค

        บริโภคและการเกษตร จึงมีพระราชด�าริในการสร้าง “ฝนเทียม” เพื่อบรรเทาทุกข์ราษฎรขึ้น ทรงใช้เวลาในการวิเคราะห์ วิจัย
        ทบทวนเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ประกอบการค้นคว้าทดลองท�าฝนเทียมจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๒ การทดลองปฏิบัติการท�า
        ฝนเทียมประสบผลอย่างน่าชื่นชม นับจากนั้นมา “ฝนหลวงพระราชทาน” จึงถือเป็นความส�าเร็จหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหา
        ความแห้งแล้งให้แก่ราษฎรได้







                                 รายงานผลการประเมินสถานการณ์  10  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16