Page 234 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 234
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
และจัดท าฐานข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการจัดท าข้อเสนอแนะให้กับภาคเอกชนถึงแนวทางใน
การปฏิบัติที่ดี ซึ่งอ้างอิงได้จากบทเรียนที่ประสบความส าเร็จจากทั้งในและต่างประเทศ
สอง กสม. ควรที่จะสนับสนุนกลไกการตรวจสอบประเด็นปัญหาของภาคประชาชนทั่วไป ภาคประชา
สังคมและสื่อ โดยสร้างความตระหนักรู้ให้กับกลุ่มเสี่ยงและสาธารณชนทั่วไปให้เข้าใจถึงประเด็นและ
ความส าคัญของปัญหา ปลูกฝังความรู้และเสริมสร้างศักยภาพและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิให้กับ
ภาคประชาสังคม และเสริมสร้างความรู้และสนับสนุนสื่อในการท าหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบเชิงลึก
สาม กสม. ควรที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุนเชิงเทคนิค และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสานข้อมูลกับ
ภาครัฐ เพื่อสนับสนุนกลไกการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีสมัยใหม่
3. ประเทศมหาอ านาจมีแนวโน้มที่จะขยายอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ในโลก โดย
การขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจจะมาในรูปแบบของการลงทุนข้ามชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนของจีนในไทยที่ปัจจุบันมีบทบาทมากขึ้น ผลกระทบที่ส าคัญก็คือ การลงทุนของ
บริษัทข้ามชาติอาจจะกระทบต่อสิทธิของชุมชนที่เคยมีอยู่ดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น การลงทุนของบริษัทข้ามชาติที่
อาจจะก่อให้เกิดมลพิษต่อชุมชน การเข้ามาท าธุรกิจแบบครบวงจรในลักษณะผูกขาดของธุรกิจต่างชาติ
นอกจากนี้ การขยายอิทธิพลอาจจะมาในรูปของข้อตกลงทางการค้า เช่น ข้อตกลงหุ้นส่วนแปซิฟิก (Trans-
Pacific Partnership) ที่รูปแบบข้อตกลงจะไม่ใช่การเปิดเสรีทางการค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะมีข้อตกลงอื่นๆ
ที่อาจจะกระทบสิทธิของประชาชนได้ เช่น เรื่องสิทธิบัตรยา เป็นต้น
กสม. ควรที่จะด าเนินการผลักดันประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนให้เป็นที่ตระหนักในวงกว้างมากขึ้น ทั้ง
ในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะมีความ
ซับซ้อนในระดับที่สูง เนื่องจากมีผู้เล่นเป็นบรรษัทที่ลงทุนข้ามชาติ และ/หรือ ขอบเขตของการละเมิดอาจจะ
อยู่นอกเขตพรมแดนของประเทศ นอกจากนี้ กสม. ควรที่จะมีส่วนในการร่วมพิจารณา และแลกเปลี่ยนข้อมูล
ถึงผลกระทบของข้อตกลงทางการค้าที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนที่เกี่ยวข้อง
4. เศรษฐกิจไทยในช่วง 4 ปีแรกของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 11 เริ่มมีอัตราเจริญเติบโตเฉลี่ยที่ต่ าลง
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อจ ากัดทางด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการลดลงของขีด
ความสามารถทางด้านการแข่งขันส าหรับสินค้าส่งออกของไทย ในขณะเดียวกัน ระดับหนี้ครัวเรือนต่อมูลค่า
ผลิตภัณฑ์มวลรวมที่อยู่ในระดับที่สูง ท าให้ประเทศไทยมีอุปสงค์ในประเทศที่ค่อนข้างจ ากัด ร่วมกับการ
เจริญเติบโตที่ลดลงของเศรษฐกิจโลก และการค้าขายระหว่างประเทศ ผลที่ตามมาจึงท าให้ธุรกิจมี
ความสามารถในการสร้างก าไรที่ลดลง ซึ่งอาจจะน าไปสู่การละเมิดสิทธิของผู้บริโภค แรงงาน ผู้ผลิตวัตถุดิบ
ชุมชน หรือมีพฤติกรรมที่ผูกขาดเพื่อเร่งสร้างก าไรก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่น การลดคุณภาพของสินค้า (ละเมิดสิทธิ
ผู้บริโภค) การลดสวัสดิการ หรือการให้ท างานเกินเวลาโดยไม่จ่ายค่าล่วงเวลา (สิทธิแรงงาน) การเอารัดเอา
เปรียบเกษตรกรภายใต้เครือข่ายพันธสัญญา (สิทธิของผู้ผลิตวัตถุดิบ หรือ supplier) การสร้างมลพิษ การ
ปล่อยของเสียโดยไม่มีการบ าบัด (สิทธิชุมชน) การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อยกระดับราคาสินค้า ซึ่งผิด
พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า
เนื่องจากแนวโน้มการละเมิดสิทธิมนุษยชนอาจจะมีทิศทางที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ประกอบกับประเด็นการ
ละเมิดที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ท าให้ กสม. ควรที่จะสนับสนุนกลุ่มงานด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนให้มี
ความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยผลักดันให้มีการพัฒนาเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการ
5-12

