Page 238 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 238
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
2. การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติยังไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดสรร
ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการด ารงชีวิต การประกอบอาชีพ (ดิน ป่าไม้ น้ า ทรัพยากรชายฝั่งทะเล และแร่) ซึ่ง
เกิดขึ้นจากความไม่เสมอภาคในสิทธิและอ านาจการจัดการทรัพยากร จึงน าไปสู่ข้อพิพาทในระดับพื้นที่ระหว่าง
ภาครัฐ เอกชนและชุมชน โดยในบางกรณีได้น าไปสู่การใช้ความรุนแรงในการจัดการปัญหา
การดูแลจัดการในประเด็นข้อพิพาทด้านสิ่งแวดล้อม ต้องอาศัยบทบาทของ กสม. ที่ส าคัญ 4 ด้าน
ได้แก่ หนึ่ง การให้ข้อมูลกับภาครัฐถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในมุมมองของผู้ร้องเรียน สอง การตรวจสอบและ
เฝ้าระวังปัญหาเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการขนาดใหญ่ การแย่งชิงทรัพยากร การ
ท าลายสิ่งแวดล้อม สาม การให้ความรู้ถึงแนวทางการปฏิบัติที่ดี เช่น ข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นเป็นประจ าในส่วน
ของการท า EIA และ EHIA เพื่อเป็นแนวทางให้ภาคเอกชนเตรียมด าเนินการอย่างเหมาะสม และ สี่ กสม. ควร
ที่จะให้ข้อเสนอเชิงนโยบาย หรือปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสิทธิมนุษยชนที่
เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ (เช่น การให้มีกฎหมาย Anti SLAPP การให้มีการคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนหรือ
ผู้ให้ข้อมูล (whistle blower) และการสนับสนุนให้ท า RIA)
มิติทางด้านธรรมาภิบาล
1. ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาความอ่อนแอทางด้านธรรมาภิบาล โดยผลการ
ประเมินดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perception Index: CPI) ได้คะแนนอยู่ที่ร้อยละ 38 (เต็ม
100) และถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 76 จากอันดับทั้งหมด 168 ประเทศทั่วโลก
ปัญหาด้านธรรมาภิบาลส่งผลต่อปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน 3 ระดับ โดยในระดับแรกจะเป็น
ปัญหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการปัญหา ซึ่งการขาดธรรมาภิบาลสะท้อนถึงปัญหาการขาดการ
บูรณาการของภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหา ในระดับที่สอง จะเป็นปัญหากลไกการ
ตรวจสอบภายในของภาครัฐ ที่อยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ และถูกแทรกแซงได้โดยผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มธุรกิจ การ
ขาดกลไกการตรวจสอบการด าเนินงานที่เข้มแข็ง ท าให้การด าเนินงานของภาครัฐในขั้นตอนแรกขาดแรง
กระตุ้นในการพัฒนาประสิทธิภาพการด าเนินงาน ในระดับที่สาม เจ้าหน้าที่ภาครัฐบางส่วน เข้ามามีส่วนร่วมรู้
เห็นในการกระท าความผิด เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียเอง ปัญหาทั้ง
สามระดับจึงท าให้การดูแลการจัดการปัญหาด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนโดยภาครัฐยังมีช่องว่างในการพัฒนา
อีกมาก
การต่อสู้กับปัญหาธรรมาภิบาล ต้องอาศัยบทบาทของ กสม. ที่ส าคัญ คือ หนึ่ง การตรวจสอบผลการ
ด าเนินงานของภาครัฐว่าเป็นไปตามหลักการแห่งสหประชาชาติด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน : การปฏิบัติตาม
กรอบการคุ้มครอง เคารพ เยียวยา (Guiding Principles on Business and Human Rights :
Implementing the United Nations ‘Protect, Respect and Remedy' Framework – UNGP) หรือไม่
อย่างไร สอง การตรวจสอบกลไกการตรวจสอบของภาครัฐ (Check and Balances) ว่ามีการด าเนินการที่
เข้มข้น ไม่ล าเอียงและด าเนินการในลักษณะที่ควรจะเป็นหรือไม่ และสาม กสม. ควรที่จะสนับสนุนการสร้าง
ภาคีเชิงบวก ที่หนุนเสริมพลังการต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อลดทอนปัญหาของระบบอุปภัมถ์และ
การแทรกแซงของผู้มีอิทธิพล
5-16