Page 233 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 233

รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
               แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562


               สภาพแวดล้อมบ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่ส าคัญใน 4 มิติ ประกอบไปด้วย มิติทางด้านเศรษฐกิจ มิติทางด้านสังคม
               มิติทางด้านสิ่งแวดล้อม และมิติทางด้านการเมือง/การปกครอง ดังนี้

                       มิติทางด้านเศรษฐกิจ


                       1.   แม้ว่าข้อตกลงทางการค้าจะมุ่งเน้นในการเปิดเสรี ซึ่งท าให้เกิดการลดภาษีส าหรับสินค้าน าเข้า
               และส่งออกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็พบว่าต่างประเทศมีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
               เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การอ้างถึงปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ตัวอย่างเช่น ผลการจัดระดับ
               สถานการณ์การค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์

               (Trafficking in Persons Report- TIP Report) ที่เคยจัดระดับสถานการณ์ของไทยให้ในระดับสูงสุดที่ Tier 3
               ก่อนที่จะมีการปรับระดับขึ้นมาอยู่ที่ Tier 2 แบบเฝ้าระวัง (Tier 2 Watch List) ผลกระทบของการจัดระดับ
               จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสินค้าไทยในสายตาของผู้บริโภคชาวต่างชาติ และอาจจะส่งผลกระทบต่อมาตรการ
               ช่วยเหลือด้านต่างๆ ตลอดจนมาตรการทางด้านการค้าได้ ด้วยเหตุนี้เอง ประเทศไทยจึงมีความจ าเป็นที่จะต้อง

               เอาใจใส่ดูแลเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบ สภาพแวดล้อมให้ตอบสนองต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น

                       บทบาทของ กสม. ที่ควรจะเป็นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ดังกล่าว ประกอบไปด้วย การก าหนด

               เป้าหมายเชิงประเด็นที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยมุ่งเน้นในการตอบประเด็นปัญหาการละเมิดสิทธิ
               มนุษยชนแบบเฉพาะเรื่อง ร่วมกับการร่วมมือให้การสนับสนุนเชิงเทคนิค และร่วมแลกเปลี่ยนข่าวสาร ข้อมูล
               กับหน่วยงานภาครัฐในการดูแลจัดการปัญหา


                       2.   องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ
               ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานแขนงใหม่ จะเป็นโอกาสที่ท าให้ธุรกิจสามารถที่จะบริหารจัดการห่วง
               โซ่การผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลท าให้การผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
               ผ่านช่องทางการสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่การผลิตก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น  ใน
               ขณะเดียวกัน การเข้าถึงข้อมูลและองค์ความรู้ทางอินเทอร์เน็ตยังท าให้เกิดพลังของประชาชนในการเข้ามา

               ตรวจสอบประเด็นปัญหาทางด้านสังคมต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาพธุรกิจ จึงเป็น
               อีกหนึ่งช่องทางที่ส าคัญในการยกระดับความตระหนักรู้ถึงปัญหา พร้อมๆ กับการสร้างพลังประชาชนเพื่อช่วย
               ตรวจสอบ ตรวจตราการเอารัดเอาเปรียบจากภาคธุรกิจ ไปจนถึงการให้การสนับสนุนธุรกิจที่เคารพสิทธิ

               มนุษยชน

                       ในทางตรงกันข้าม การพัฒนาของเทคโนโลยีก็น ามาซึ่งผลกระทบต่อสิทธิรูปแบบใหม่ๆ เช่น สิทธิใน
               ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจจะต้องมีการเฝ้าระวังและพัฒนารูปแบบการดูแลจัดการปัญหาการละเมิดสิทธิ
               มนุษยชนแบบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน อาทิเช่น ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ การเข้า
               มาของเทคโนโลยียังท าให้ผู้บริโภคมีการใช้สื่อออนไลน์ในการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น โดยธุรกิจที่ซื้อขาย

               ออนไลน์มีจ านวนไม่น้อยที่ไม่ได้ถูกก ากับดูแลโดยภาครัฐ ซึ่งน าไปสู่ปัญหาการหลอกลวงผู้บริโภค เช่น การ
               โฆษณาเกินสรรพคุณ การขายสินค้าที่อันตราย เป็นต้น

                       บทบาทของ กสม. ที่ส าคัญส าหรับสถานการณ์นี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มที่ส าคัญ คือ

                       หนึ่ง กสม. ควรที่จะด าเนินการให้ความรู้ และสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชน
               กับการประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชน และควรที่จะท าหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านข้อมูล โดยสร้างองค์ความรู้





                                                           5-11
   228   229   230   231   232   233   234   235   236   237   238