Page 222 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 222
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
ในมิติของการพัฒนาบุคลากรเพื่อสนับสนุนการดําเนินงานนั้น แม้ว่า กสม. จะได้มีการอบรมเจ้าหน้าที่
ให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ แต่การอบรมดังกล่าวอาจจะยังคงไม่
เพียงพอต่อการสนับสนุนการดําเนินการ ดังนั้น กสม. จึงควรจะต้องเพิ่มกลุ่มงานด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน
โดยมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจซึ่งมาจาก
หลากหลายสาขา เนื่องจากประเด็นสิทธิมนุษยชนเกี่ยวข้องกับมิติที่หลากหลาย ทั้งนี้ การจัดทําคู่มือด้านสิทธิ
มนุษยชนและการประกอบธุรกิจจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถนําไปปฏิบัติได้อย่างสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
และส่งผลดีต่อการสร้างความเข้าใจที่ตรงกันที่ กสม. จะเข้าไปสนับสนุนได้ การพัฒนาโครงสร้างการบริหาร
จัดการบุคลากรขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ กสม. จําเป็นจะต้องหาแนวทางที่
เหมาะสมเพื่อตอบสนองการทํางานตามภารกิจของ กสม. การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังคงมีความ
ล่าช้า และไม่สามารถเยียวยาผู้เสียหายได้อย่างทันท่วงที ดังนี้ การจัดสรรบุคลากรของ กสม. ให้เพียงพอต่อ
การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในแต่ละประเด็นจะช่วยลดภาระงานที่มากเกินไปสําหรับเจ้าหน้าที่บาง
รายได้ และในประเด็นสุดท้าย คือ กสม. ควรจะส่งเสริมให้มีคลังข้อมูลที่รวบรวมหลักปฏิบัติที่เป็นเลิศ โดยมีทั้ง
ข้อมูลเชิงนโยบาย กฎระเบียบ กฎหมายของประเด็นที่เกี่ยวข้อง กรณีศึกษาของบริษัทต่างๆ การดําเนินการ
ตามนโยบาย การสื่อสารกับสาธารณะ การบริหารความสัมพันธ์ภายในห่วงโซ่อุปทานการผลิต การจําแนกและ
ประเมินความเสี่ยงด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน การจัดทํา auditing system และการออกรายงานประจําปี
นอกจากนี้ กสม. ควรที่จะส่งเสริมให้ภาคเอกชนจัดทํา KPI เพื่อใช้ในการประเมินผลตนเองว่าได้มีการเคารพ
และ/หรือ ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่
ในมิติสุดท้าย คือ กลไกการตรวจสอบ วัดผล ประเมินผลภายในองค์กร คณะผู้วิจัยพบว่า กสม. ได้มี
การดําเนินการจัดทําและเผยแพร่รายงานประจําปี และติดตามผลการดําเนินงานในแผนพัฒนาองค์กรว่า
ดําเนินการอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ สามารถประสานงานกับผู้ร้องเรียนถึงสถานะการดําเนินการตรวจสอบ
ได้อย่างเหมาะสม การดําเนินการดังกล่าวสามารถจัดทําให้ครอบคลุมถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนและการ
ประกอบธุรกิจ อีกทั้งยังเสริมความเข้มแข็งในกลไกการตรวจสอบได้ด้วยการพัฒนากลไกการบริหารที่ต้องมี
การติดตาม การประสานงานกับผู้ร้องเรียนถึงสถานะการดําเนินการการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนอย่าง
เหมาะสม และการประเมินผลการปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ฯ ทั้งจากภายในและภายนอกเพื่อที่จะเป็นประโยชน์
ในการขับเคลื่อนแผนที่เป็นรูปธรรมต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนของการจัดทํารายงานประจําปี คณะผู้วิจัยเห็นว่า
กสม. ควรที่จะสรุปการดําเนินงานในประเด็นของธุรกิจและสิทธิมนุษยชนให้มีความชัดเจนเพื่อจะได้ขยายผลใน
การจัดทําฐานข้อมูลหรือสรุปบทเรียนที่เกี่ยวข้องต่อไป
กล่าวโดยสรุป คณะผู้วิจัยได้ประเมินช่องว่างในส่วนของการพัฒนาองค์กรภายใน กสม. และพบว่า
กสม. ได้มีการดําเนินการที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม แต่ยังคงมีช่องว่างที่จะพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพให้มาก
ขึ้นได้
4-75