Page 20 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 20
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พบว่ายังต้องเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรง และยังไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐาน
ด้านสุขภาพได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ยังพบว่าแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกลุ่มเด็กข้ามชาติ ซึ่ง กสม. ได้มีข้อเสนอต่อรัฐบาล
ทั้งในเรื่องการจัดท�ามาตรการและแนวทางการคุ้มครองเด็กในพื้นที่เสี่ยงและเด็กข้ามชาติ การส่งเสริมการเข้าถึงสวัสดิการด้านสุขภาพ
การจัดท�าฐานข้อมูลเด็กข้ามชาติในทุกมิติ และการจัดท�าและบังคับใช้มาตรการในการจัดท�าหนังสือรับรองการเกิด
สูติบัตร และเอกสารพิสูจน์ตนของเด็กข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
๓.๒ กลุ่มผู้หญิงและความเสมอภาคระหว่างเพศ
รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ และจัดท�าแผนพัฒนาสตรีในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) แผนพัฒนาสถิติหญิงและชาย ฉบับที่ ๑ (๒๕๕๗ - ๒๕๕๘) และรายงานสถานการณ์
สตรี ปี ๒๕๕๘ ซึ่งสะท้อนสถานการณ์ ๑๒ ด้าน ตามข้อก�าหนดในปฏิญญาและแผนปฏิบัติการปักกิ่งเพื่อความก้าวหน้าของสตรี
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์ความไม่เท่าเทียมระหว่างหญิงและชายในภาพรวมจะลดต�่าลงก็ตาม แต่ยังพบข้อห่วงใยหรือข้อสังเกต
ที่แสดงถึงความเหลื่อมล�้าในมิติของหญิงชาย อาทิ จ�านวนประชากรผู้สูงวัยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (๕.๑ > ๔.๐ ล้านคน)
จ�านวนผู้ด้อยโอกาสทางสังคมเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (๖.๔๐ > ๔.๙ หมื่นคน) ผู้หญิงที่มีงานท�ามีจ�านวนน้อยกว่าผู้ชาย (๑๗.๕
< ๒๐.๙ ล้านคน) ผู้หญิงที่เป็นแรงงานนอกระบบมีมากกว่าผู้ชาย (๑๐.๖ > ๕.๕ ล้านคน) สัดส่วนของประชากรวัยแรงงาน (ชาย
= ๘๐.๗ และหญิง = ๖๔.๓) และสัดส่วนของผู้หญิงที่ด�ารงต�าแหน่งในรัฐสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างปี ๒๕๕๗ - ๒๕๕๘
ที่มีค่าสัดส่วนน้อยที่สุดในรอบ ๑๐ ปี นอกจากนี้ ยังพบสถานการณ์ความรุนแรงต่อผู้หญิงในจ�านวนที่สูงขึ้นกว่าปี ๒๕๕๗
กสม. จึงเสนอให้รัฐก�าหนดมาตรการที่เหมาะสม และมาตรการพิเศษชั่วคราวเพื่อเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้หญิง
และลดช่องว่างของความเหลี่อมล�้า เช่น การกระตุ้นให้พรรคการเมืองใช้ระบบสัดส่วน การฝึกอบรมและสร้างความตระหนัก
เกี่ยวกับความส�าคัญของผู้หญิงในการตัดสินใจทุกระดับ การก�าหนดนโยบาย กลไก และมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่มี
ประสิทธิภาพ สนับสนุน และช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกละเมิดให้เข้าถึงความเป็นธรรม เป็นต้น
๓.๓ กลุ่มคนพิการ
รัฐบาลได้ออกกฎหมายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการ ทั้งพระราชบัญญัติ
การจัดการศึกษาส�าหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ เเละที่เเก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๖ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ เเละที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งกฎกระทรวง เพื่อก�าหนดจ�านวนคนพิการที่นายจ้าง
หรือสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าท�างาน รวมถึงจ�านวนเงินที่นายจ้างหรือสถานประกอบการ
จะต้องน�าส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๔ เเละแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
แห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) นอกจากนี้ รัฐยังได้ถอนถ้อยแถลงในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการที่ตีความ
เกี่ยวกับสิทธิในการจดทะเบียนการเกิด สิทธิในการมีชื่อ และสิทธิในการได้รับสัญชาติของเด็กพิการ ตามที่ได้ให้ค�ามั่นไว้
ในการเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศ (UPR) รอบที่ ๑ ขณะเดียวกัน การส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพชีวิตคนพิการยังมีข้อจ�ากัดในการปฏิบัติในด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ด้านสิทธิทางการศึกษา โดยการถูกปฏิเสธการเข้ารับ
การศึกษา และการขาดความพร้อมของบุคลากรทางการศึกษาและสถาบันการศึกษา (๒) ด้านสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างอิสระ
ในพื้นที่สาธารณะ หรือการใช้ชีวิตในสังคมทั่วไป รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร โดยการขาดการจัดสรรสิ่งอ�านวย
ความสะดวกที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการแต่ละประเภท (๓) ด้านสิทธิในการประกอบอาชีพ นายจ้าง
XIX