Page 19 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 19
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
ในการบริการอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการประกันสิทธิในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพเป็นสิทธิของทุกคน
ในประเทศไทย นอกจากนี้ ได้มีมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อคืนสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้กับชนกลุ่มน้อย
และบุตรที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย และกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาด้านสถานะและสิทธิบุคคล ทั้งนี้ กสม. ยังพบว่ามีความเหลื่อมล�้า
ของระบบประกันสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ และมีประชากรในพื้นที่ห่างไกลและในบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษา
พยาบาลได้ เช่น คนพิการ แรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม เป็นต้น
๒.๗ สิทธิในการท�างาน
รัฐบาลพยายามด�าเนินการมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการท�างาน อาทิ การประกันค่าแรงขั้นต�่า
ความปลอดภัยในการท�างาน และการประกันการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ รวมถึงการแก้ไขและขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ โดยการ
เพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการตรวจแรงงานทั้งระบบ เพื่อให้แรงงานได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและมีหลักประกัน
ทางสังคมมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีแรงงานบางกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงความคุ้มครองแรงงาน เช่น ลูกจ้างท�างานบ้าน ลูกจ้างที่ไปท�างาน
ในต่างประเทศ เป็นต้น ในเรื่องค่าแรงงานขั้นต�่าได้มีการเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต�่าซึ่งปัจจุบันได้ปรับค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้ว
แต่อัตราดังกล่าวยังต�่ากว่าบางประเทศในกลุ่มอาเซียน ในเรื่องสิทธิในการรวมตัวและเสรีภาพในการสมาคม ด้านแรงงาน
รัฐบาลได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘
เพื่อให้แรงงานได้รับเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน และสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง
๓. สถานการณ์สิทธิของกลุ่มเปราะบาง
สถานการณ์ของกลุ่มเปราะบางในประเทศไทยยังมีความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งในลักษณะ
มิติการละเมิดซ�้าซ้อนและการเชื่อมโยง โดยเหตุแห่งการมีสถานะในกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงกัน แม้ว่ารัฐบาล
ได้ให้ความส�าคัญและพยายามคุ้มครองสิทธิของกลุ่มเปราะบางทั้งในด้านการก�าหนดนโยบาย การตรากฎหมาย
และการด�าเนินงานตามมาตรการเพื่อสร้างความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ แล้ว แต่ในทางปฏิบัติ ยังพบว่ามีปัญหา
การแปลงนโยบายและกฎหมายไปสู่การปฏิบัติ และขาดการบูรณาการและเชื่อมโยงการด�าเนินงานด้านโยบาย
และกฎหมายของหน่วยงานต่าง ๆ ท�าให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลและชุมชนในพื้นที่ ทั้งนี้ กสม. มีข้อสังเกต
ต่อกลุ่มเปราะบาง ๕ กลุ่ม ได้แก่
๓.๑ กลุ่มเด็ก
รัฐบาลมีมาตรการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็กเพิ่มมากขึ้น อาทิ การจัดท�าระบบประกันการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ
และการดูแลเด็กแรกเกิดให้เข้ารับบริการสาธารณสุขผ่านโครงการอุดหนุนเด็กแรกเกิด ๔๐๐ บาท/เดือน เป็นเวลา ๑๒ เดือน การดูแล
คุ้มครองและเยียวยาเด็กที่ได้รับความรุนแรง โดยจัดท�ามาตรการเชิงรุกและจัดสรรงบประมาณสนับสนุนป้องกันความเสี่ยง
การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือ และการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระท�าทางเพศ และสื่อลามกอนาจาร
รวมถึงการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก โดยการก�าหนดอายุขั้นต�่าของแรงงานในภาคเกษตร และแรงงานประมง
และมีการตรวจสอบแรงงานเชิงรุกแบบสหวิชาชีพ รวมทั้งการติดตามแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็ก
ในรูปแบบที่เลวร้าย ฉบับที่ ๑ (๒๕๕๒ - ๒๕๕๙) และฉบับที่ ๒ (๒๕๕๘ - ๒๕๖๓) อย่างไรก็ตาม พบว่ามีเด็กอายุ ๕ - ๑๗ ปี
จ�านวนหนึ่งที่ยังท�างานในลักษณะเสี่ยงอันตรายและถูกกระท�าความรุนแรงและมีจ�านวนที่เพิ่มจากปีก่อน ในส่วนของกลุ่มเด็ก
XVIII