Page 88 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 88
ความไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมดังกล่าวก่อให้เกิดความทุกข์ยากแก่คนส่วนใหญ่
ของสังคมเป็นอย่างมากและถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน รัฐจึงมีหน้าที่ต้องเข้าไปปกป้องคุ้มครองผู้ที่อ่อนแอกว่าหรือด้อยกว่าใน
สังคมดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ทั้งในความเป็นจริงและในทางกฎหมาย ไม่น้อยไปกว่าผู้มีอ�านาจในสังคมหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าและเพื่อเป็นการคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนของคนเหล่านั้น
โดยนัยดังกล่าว สิทธิมนุษยชนจึงเป็นคุณลักษณะประจ�าตัวของมนุษย์ทุกคนในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์
และด้วยเหตุผลแต่เพียงอย่างเดียวว่าเขาเกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเหล่านี้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่จะมีสังคมการเมือง
129
ที่เรียกว่า “รัฐ” (State) เกิดขึ้น และไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถสละสิทธิและเสรีภาพเหล่านี้ได้โดยชอบและไม่มี “ผู้ปกครองว่าการ
130
แผ่นดิน” (Sovereign) คนใดหรือคณะใดมีอ�านาจท�าลายสิทธิและเสรีภาพเหล่านี้ได้เช่นกัน สิทธิมนุษยชนจึงมิได้เป็นการที่รัฐบัญญัติ
กฎหมายให้สิทธิแก่บุคคล หากแต่เป็นการที่กฎหมายของรัฐได้รับรองถึงความมีอยู่ของสิทธิที่ติดตัวมนุษย์ไว้ในบทบัญญัติของกฎหมาย
131
เท่านั้น เช่น สิทธิในชีวิตร่างกายของบุคคล เสรีภาพในทางความเชื่อของบุคคล เป็นต้น แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนจึงมุ่งหมาย
ให้สิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ควรค่าที่จะได้รับการเคารพจากบุคคลทุกคน และจะต้องได้รับการประกันหรือการคุ้มครองอย่าง
เท่าเทียมกันโดยปราศจากการแบ่งแยกหรือการเลือกปฏิบัติใดๆ
๓.๑.๒ หลักการรับรองและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนทั่วโลกน�ามาซึ่งหลักสากลในการรับรองและ
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนขึ้นอันเป็นหลักการพื้นฐานที่สะท้อนผ่านปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ค.ศ. ๑๙๔๘
ในส่วนนี้จะได้กล่าวถึงหลักการรับรองและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยแบ่งออกเป็น (๑) การรับรองสิทธิมนุษยชน
และ (๒) การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
(๑) การรับรองสิทธิมนุษยชน
โดยที่สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ติดมาตามธรรมชาติพร้อมกับการเกิดมาของมนุษย์
แต่ละคนทั่วโลก และเป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองตามหลักสากลหรือในทางระหว่างประเทศ การรับรองสิทธิมนุษยชนจึงปรากฏให้เห็นหรือ
ประมวลไว้ในกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ในระดับต่างๆ ทั้งในกฎหมายระดับประเทศ กฎหมายระดับภูมิภาค (ที่รัฐสมาชิกในภูมิภาคต่างๆ
ร่วมกันตราขึ้นและใช้บังคับร่วมกัน) และกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายหรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศในลักษณะต่างๆ ไม่ว่า
จะเป็นปฏิญญาต่างๆ กติการะหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญาระหว่างประเทศ หรือหลักกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ได้
ก�าหนดหลักการรับรองสิทธิมนุษยชนในประการต่างๆ ของปัจเจกชนหรือประชาชนแต่ละคนไว้โดยชัดแจ้ง
ในส่วนนี้ จะได้กล่าวถึงสารัตถะหรือลักษณะแห่งสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายหรือกฎเกณฑ์
ระหว่างประเทศอันเป็น “มาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชน” ที่ประเทศต่างๆ ร่วมกันจัดท�าเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ของประชาชนทั่วโลก ได้แก่ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ค.ศ. ๑๙๔๘ (Universal Declaration of Human Rights - UDHR)
อนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ค.ศ. ๑๙๕๐ (European Convention for the
Protection of Human Rights and Fundamental Freedoms - EU Convention) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ
132
สิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights - ICCPR) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทาง
129 วรพจน์ วิศรุตพิชญ์, สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (กรุงเทพมหานคร: ส�านักพิมพ์
วิญญูชน, ๒๕๔๓), น.๔๔.
130
เพิ่งอ้าง, น. ๔๐.
131
บรรเจิด สิงคะเนติ, หลักพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ, พิมพ์ครั้งที่ ๒ ปรับปรุงใหม่, (กรุงเทพมหานคร :
ส�านักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๔๗), น. ๗๓.
132
Adopted and opened for signature, ratification and accession by Genenral Assembly Resolution 2200A (XXI) of 16 December
1966, entry into force 23 March 1976.
67
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖