Page 87 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 87

ไม่เท่ากัน ดังนั้น การปล่อยเสรีท�าให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ ในขณะที่มนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์
               จากกลุ่มแรก  และกลุ่มหลังซึ่งมีจ�านวนมากตกอยู่ในสภาวะยากจนที่สุดและอยู่อย่างไม่มีสภาพที่มีค่าความเป็นมนุษย์เหลืออยู่  และจาก
               สภาวการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมดังกล่าว น�ามาซึ่งการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนในรูปแบบใหม่ขึ้นมา ในลักษณะเป็นสิทธิที่จะมีสภาพการ

               ด�ารงชีวิตที่ดีและมีสภาพการท�างานที่ดี  โดยการเรียกร้องให้รัฐเข้ามามีบทบาทในการกระท�าเพื่อเสริมสร้างให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดี
               สมความเป็นมนุษย์ ซึ่งตรงข้ามกับแนวคิดเดิมที่ห้ามรัฐเข้าแทรกแซง ก่อให้เกิดแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการให้อ�านาจคณะกรรมการสิทธิ
               มนุษยชนแห่งชาติตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกัน

                                  แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่  ๑๙  เพื่อจะเยียวยาแก้ไขความอยุติธรรมและความไร้มนุษยธรรมที่
               เกิดขึ้นในสังคม อันเป็นผลมาจาก “ลัทธิเสรีนิยม” (Liberalism) ที่เปิดโอกาสให้มีการเอารัดเอาเปรียบกันเป็นอย่างมากของผู้คนในสังคม

               โดยเฉพาะผู้ที่มีความแข็งแรงกว่า มีอ�านาจต่อรองในทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่า มักจะใช้ความแข็งแรงและอ�านาจต่อรองที่เหนือกว่า
               ของตนดังกล่าวกดขี่ข่มเหงเอารัดเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่าหรือด้อยกว่าเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนให้มากที่สุด  ตัวอย่างเช่น  ในเรื่อง
               เสรีภาพในการแสดงเจตนาและเสรีภาพในการท�าสัญญาในความเป็นจริงเกิดความไม่เสมอภาคระหว่างคู่สัญญาโดยแสดงออกในรูป

               ของการไม่มีการเจรจาต่อรองกัน  คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในทางเศรษฐกิจ  ถูกจ�ากัดในทางความเป็นจริงว่าต้องเข้าร่วม
               ท�าสัญญากับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยต้องยอมรับตามข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพได้ก�าหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว เช่น สัญญากู้ยืม

               สัญญาเช่าซื้อ  กรมธรรม์ประกันภัย  หรือสัญญาจ้าง  เป็นต้น  สัญญาเหล่านี้จะถูกร่างเนื้อหาข้อสัญญาไว้ก่อนแล้วโดยผู้ประกอบธุรกิจ
               และฝ่ายที่จะเข้าท�าสัญญาด้วยไม่มีสิทธิจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาดังกล่าว แต่จะท�าได้เพียงแต่จะยอมรับหรือปฏิเสธการท�า
               สัญญาเท่านั้น  การเจรจาต่อรองกันในสัญญาจะไม่มีในสัญญาเหล่านี้  และหลักที่ว่าสัญญาเกิดจากเจตนาร่วมกันโดยเสรีของคู่สัญญา

               ก็จะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ความเป็นธรรมในสังคมก็ไม่มีเพราะในเมื่อข้อสัญญาได้ถูกก�าหนดอย่างไม่เป็นธรรมไว้ล่วงหน้าจากผู้ประกอบ
               ธุรกิจแต่ฝ่ายเดียวและอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ในภาวะจ�ายอมต้องท�าสัญญาด้วย สัญญาเหล่านี้จึงเสมือนเกิดจากเจตนาของผู้ประกอบธุรกิจ
                                                                                                                127
               ฝ่ายเดียว  หลักเจตนาและหลักเสรีภาพในการท�าสัญญาจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ในสัญญาที่ไม่มีความเท่าเทียมกันในการท�าสัญญาจริงๆ
               โดยเฉพาะในสัญญาจ้างแรงงานซึ่งคู่สัญญาไม่ได้มีความเสมอภาคหรือมีเสรีภาพในการท�าสัญญาอย่างแท้จริง ในสัญญาจ้างแรงงาน
               นายจ้างเป็นผู้ที่อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าลูกจ้างเพราะเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิต ในขณะที่ลูกจ้างมีแต่เพียงแรงงานที่จะขาย
               ให้แก่นายจ้างเท่านั้น ความจ�าเป็นทางเศรษฐกิจท�าให้ลูกจ้างไม่อาจเป็นผู้ตั้งเงื่อนไขต่อรองกับนายจ้างได้ เพราะมีแรงงานในตลาด

               ที่พร้อมจะท�าตามเงื่อนไขหรือความพอใจของนายจ้างอยู่มากมาย จึงเห็นได้ว่าลูกจ้างถูกความจ�าเป็นทางเศรษฐกิจบีบบังคับไม่ให้มี
               เสรีภาพในการที่จะต่อรองกับนายจ้างได้อย่างเต็มที่ เสรีภาพความเสมอภาคในการท�าสัญญาจ้างแรงงาน ในทางความเป็นจริงจึงเป็นไป
                   128
               ไม่ได้  และนายจ้างมักจะขูดรีดเอาประโยชน์จากแรงงานลูกจ้าง เช่น ก�าหนดให้ลูกจ้างท�างานล่วงเวลาโดยไม่จ่ายค่าล่วงเวลา จ่าย
               ค่าแรงให้แก่ลูกจ้างในราคาที่ถูกและไม่ให้สวัสดิการหรือจัดหามาตรการในการรักษาความปลอดภัยในการท�างานให้แก่ลูกจ้างและ
               กดขี่ขูดรีดผู้ใช้แรงงานในลักษณะต่างๆ เป็นต้น

                                  นอกจากนี้  แม้กระทั่งระหว่างคนในครอบครัวด้วยกันก็ไม่มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในความเป็นจริง  กล่าวคือ
               เนื่องจากความสัมพันธ์ภายในครอบครัวจะมีผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งมีหน้าที่ในการปกครองเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวและ

               มีอ�านาจเหนือสมาชิกทุกคนในครอบครัว ส่วนสมาชิกในครอบครัวก็มีหน้าที่ต้องเชื่อฟังค�าสั่งและอยู่ใต้อ�านาจของหัวหน้าครอบครัว
               เพราะต้องพึ่งพาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวส�าหรับปัจจัยต่างๆ ที่จ�าเป็นในการด�ารงชีวิต ในบางกรณีผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวอาจใช้
               อ�านาจเหนือที่ตนมีกระท�าการที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนในครอบครัว  เช่น  การใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัวด้วยวิธีการ

               ต่างๆ  หรือการละเมิดสิทธิเด็ก  และคนในครอบครัวที่ถูกใช้ความรุนแรงหรือละเมิดสิทธิดังกล่าวก็ต้องจ�ายอมเพราะยังต้องพึ่งพาอาศัย
               ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่





                       127
                          พอพันธุ์ คิดจิตต์, “แนวความคิดและผลกระทบเกี่ยวกับข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”, ดุลพาห, ปีที่ ๔๐, เล่มที่ ๖, พฤศจิกายน - ธันวาคม ๒๕๓๖,
               น. ๔๐ - ๔๑.
                       128
                           มาลี  พฤกษ์พงศาวลี, “สิทธิทางด้านแรงงาน : ปัจจัยพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน,” น. ๖ - ๗.
               66
               ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92