Page 86 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 86
เฉพาะอย่างยิ่งจะต้องไม่กระท�าการใดๆ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชน เว้นแต่ในกรณีหรือสถานการณ์เฉพาะเจาะจง
(specific situations) ที่มีกฎหมายก�าหนดให้กระท�าเช่นนั้นได้ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายก�าหนดเท่านั้น แม้จะเป็นกรณีที่รัฐด�าเนิน
นโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศโดยอาศัยอ�านาจ ตามกฎหมายหรือกฎระเบียบใดๆ ก็ตาม รัฐก็มิอาจ
กระท�าการใดๆ อันเป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนได้ตามอ�าเภอใจแต่อย่างใด
ในส่วนนี้ ในเบื้องต้นจะได้กล่าวถึง ๓.๑ แนวคิดและหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และ ๓.๒ หลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
๓.๑ แนวคิดและหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนและมิได้เกิด
ขึ้นเพราะมีกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ใดๆ มาก�าหนดให้เกิดมีขึ้น หากแต่สิทธิมนุษยชนของปัจเจกชนแต่ละคนเกิดและมีอยู่แล้วตาม
ธรรมชาติเมื่อมนุษย์แต่ละคนเกิดมา จึงมีค�ากล่าวว่า “สิทธิแห่งความเป็นมนุษย์” นั่นเอง
ในส่วนนี้ จะได้กล่าวโดยสังเขปถึง ๓.๑.๑ แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และ ๓.๑.๒ หลักการรับรองและคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชน
๓.๑.๑ แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
สิทธิมนุษยชนมีที่มาจากความต้องการสองประการของมนุษย์ คือ ความต้องการเป็นอิสระและความเท่าเทียมกัน
ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และความต้องการจ�ากัดอ�านาจของผู้ปกครองที่ใช้อ�านาจกดขี่ประชาชน สืบเนื่องจากสังคมมนุษย์ในสมัยบุพกาล
ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก และความไม่เสมอภาคเท่าเทียมของมนุษย์ โดยมนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นชนชั้นสูงกับชนชั้นล่าง โดยชนชั้นล่าง
จะถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกปฏิบัติเหมือนกับเป็นวัตถุสิ่งของหรือสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูง สิทธิต่างๆ ในสังคมถูกสงวนไว้ส�าหรับคนชั้นสูง
เท่านั้น เนื่องจากชนชั้นล่างไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง และยังต้องพึ่งพาอาศัยชนชั้นสูงอยู่ ทั้งในด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและ
ปัจจัยสี่ ต่อมา เมื่อสังคมมนุษย์มีความเจริญขึ้น มนุษย์มีความเป็นตัวของตัวเองและมีเหตุผลกว่าแต่ก่อน มนุษย์จึงสามารถช่วยเหลือ
และด�าเนินชีวิตได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นเหมือนแต่ก่อน หรือพึ่งพาอาศัยผู้อื่นแต่น้อยเท่าที่จ�าเป็น
ต่อมา เมื่อมีพัฒนาการทางการเมืองการปกครองของมนุษยชาติมากยิ่งขึ้นก็มีความขัดแย้งอันเนื่องมาจาก
ความไม่เท่าเทียมของกลุ่มบุคคลสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความเข้มแข็งและมีอ�านาจในการก�าหนดความเป็นไปภายในสังคม เช่น กลุ่ม
ชนชั้นปกครอง กลุ่มนักการเมือง กลุ่มพ่อค้าและนักธุรกิจ และกลุ่มอิทธิพล กับคนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีอ�านาจต่อรองในทางสังคม
น้อยกว่ากลุ่มแรกและต้องปฏิบัติตามการชี้น�าของกลุ่มแรก เช่น กลุ่มชาวนาและเกษตรกร กลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยคนกลุ่มแรกมักใช้ก�าลัง
และอ�านาจที่ตนมีกดขี่ข่มเหงเอารัดเอาเปรียบคนกลุ่มหลังอย่างไร้มนุษยธรรม ท�าให้คนกลุ่มหลังซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถูกปกครองพยายาม
หากฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อมาจ�ากัดอ�านาจของผู้ปกครอง มนุษย์จึงตกลงเข้าท�าสัญญาอยู่ร่วมกันเป็นสังคมและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเพื่อท�าหน้าที่
ปกครอง รักษาความสงบเรียบร้อยและอ�านวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เรียกว่าสัญญาประชาคม (Social Contract) โดย
ประชาชนแต่ละคนยอมสละสิทธิบางส่วนของตน คือ สิทธิที่จะบังคับกันเองให้รัฐหรือรัฐบาลซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตามสัญญา แต่ทุกคนยัง
สงวนสิทธิในชีวิต เสรีภาพ และทรัพย์สินอันเป็นสิทธิธรรมชาติของมนุษย์ไว้ ซึ่งรัฐหรือบุคคลใดจะท�าลาย ล่วงละเมิดหรือขัดขวาง
สิทธิดังกล่าวไม่ได้ และเมื่อใดที่รัฐหรือรัฐบาลท�าผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้ในสัญญาโดยการละเมิดสิทธิธรรมชาติของประชาชน ถือว่ารัฐ
ได้กระท�าการอันเป็นการฝ่าฝืนความไว้วางใจของประชาชนตามสัญญาซึ่งเป็นเงื่อนไขส�าคัญแห่งการมีอ�านาจของรัฐ ประชาชนผู้ถูก
ปกครองย่อมมีอิสระในการถอดถอนหรือล้มล้างรัฐหรือผู้ปกครองที่ท�าผิดสัญญาได้ และอิสระในการถอดถอนหรือล้มล้างผู้ปกครอง
ดังกล่าวคือสิทธิธรรมชาติในการลงโทษผู้ปกครองของผู้ถูกปกครอง ซึ่งต่อมาเรียกว่า “สิทธิมนุษยชน”
การเรียกร้องสิทธิมนุษยชนและการจัดท�าเอกสารในยุคแรกๆ เน้นเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ซึ่งระบบเศรษฐกิจแบบเสรีมีเงื่อนไขส�าคัญ คือ การปลอดการแทรกแซง
ของรัฐ แต่เมื่อเวลาผ่านไประบบเสรีกลับท�าให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นความจริงที่ว่าคนเรามีความสามารถและโอกาส
65
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖