Page 44 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 44

การระบุลงไปในตอนท้ายของหนังสือที่แจ้งให้ผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีมารายงานตัวต่อ  ศตส.  ว่า  “ผู้ใดฝ่าฝืน  ศูนย์ต่อสู้
                  เพื่อเอาชนะยาเสพติดจะไม่รับรองความปลอดภัยในทุกกรณี” แสดงถึงการกระท�าที่เป็นการคุกคามและข่มขู่ประชาชนอย่างชัดเจน

                  โดยปกติภายหลังจากที่การวิสามัญฆาตกรรมได้เกิดขึ้นแล้ว  ต้องมีกระบวนการตามกฎหมายในการชันสูตรพลิกศพ  โดยมีเจ้าพนักงาน
                  ๔  ฝ่ายร่วมกัน  และต้องท�าส�านวนการเสียชีวิตส่งให้อัยการน�าคดีขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
                  อาญามาตรา ๑๕๐ แต่จากการเก็บข้อมูลของสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกี่ยวกับจ�านวนคดีที่เป็นวิสามัญฆาตกรรมในช่วงเดือน

                  กุมภาพันธ์ – มีนาคม  ๒๕๔๖ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต ๖๐ คน นั้น ปรากฏว่า จ�านวน ๔๖ คน ไม่ได้ต่อสู้หรือขัดขืน รวมทั้งไม่มีอาวุธพร้อมที่จะต่อสู้
                  กับเจ้าหน้าที่ต�ารวจ และจ�านวน ๑๔ คน ตรวจพบอาวุธอยู่กับตัว นอกจากนี้ มีผู้เสียชีวิตบางรายที่ศพถูกเคลื่อนย้ายก่อนหน้าที่เจ้าพนักงาน

                  ๔  ฝ่าย  จะมาถึงที่เกิดเหตุเพื่อการชันสูตรพลิกศพ  ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาสาเหตุการเสีย
                  ชีวิตขาดความครบถ้วนสมบูรณ์  ประเด็นสุดท้าย  กรณีการเสียชีวิตที่เป็นผลมาจากการฆ่าตัดตอน  พบว่าหลายกรณีมีพยานหลักฐานที่
                  เชื่อถือได้ว่า เจ้าหน้าที่เป็นผู้ลงมือกระท�าเอง มิใช่การฆ่าตัดตอนกันเองระหว่างกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด หรือกลุ่มอิทธิพลที่มีความขัดแย้งกัน

                  ตามที่รัฐบาลได้ออกมาแถลง เช่น มีลักษณะการเสียชีวิตที่คล้ายคลึงกัน ชนิดของอาวุธที่ใช้ในการฆาตกรรมเป็นชนิดเดียวกัน ผู้เสียชีวิต
                  ถูกยิงในระหว่างการเดินทางไปหรือกลับจากการรายงานตัว เหล่านี้เป็นต้น ประกอบกับคดีส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการฆ่าตัดตอนนั้น

                  เจ้าหน้าที่ต�ารวจยังไม่สามารถด�าเนินการจับกุมหรือหาตัวผู้กระท�าความผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้
                                   ด้วยเหตุนี้  สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนจึงได้เสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทบทวนตรวจสอบ
                  รายชื่อที่อยู่ในบัญชีด�า เร่งติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัดตอนมาด�าเนินคดีตามกฎหมาย ยุติการใช้ความรุนแรงพร้อมทั้งส่งเสริม

                  ให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด  ควบคุมอุปสงค์ของยาเสพติด  ตลอดจนปรับปรุงระบบกฎหมายและ
                  กระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของนายศรีรักษ์  ผลิพัฒน์
                  ผู้อ�านวยการแอมเนสตี้  อินเตอร์เนชั่นแนล  ประเทศไทย  ที่ต้องการให้รัฐบาลหยุดใช้นโยบายความรุนแรงในการปราบปรามยาเสพติด

                  และให้ตรวจสอบทุกกรณีที่มีการวิสามัญฆาตกรรมและการฆ่าตัดตอน
                                   การกล่าวโจมตีการประกาศสงครามกับยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณฯ ขององค์กรสิทธิมนุษยชน
                  ในประเทศ  มีประเด็นที่คล้ายคลึงกันซึ่งพอจะสรุปออกมาได้  คือ ประการแรก  การประกาศสงครามดังกล่าวถูกมองว่าเป็นนโยบายที่

                  ส่งเสริมให้เกิดการใช้ความรุนแรงในสังคมและสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติที่ขัดต่อหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ประการที่สอง
                  เจ้าหน้าที่ผู้น�านโยบายฯ ไปปฏิบัติต้องการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐ และด�าเนินงานให้บรรลุผลส�าเร็จตามวัตถุประสงค์ที่นโยบายฯ

                  ได้ระบุไว้ จึงมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการปราบปรามโดยที่มิได้ค�านึงถึงกรอบของกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรม
                  ประการสุดท้าย การวิสามัญฆาตกรรมและการฆ่าตัดตอนที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อ�านาจในทางที่ไม่เหมาะสม
                  และเกินกว่าเหตุ จึงเป็นสิ่งที่ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศเกิดความเสียหาย

                                   ดังนั้น สิ่งที่องค์กรเหล่านี้ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลด�าเนินการเพื่อเยียวยาสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน
                  ของประเทศให้ดีขึ้น จึงเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ ต้องการให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้หลายๆ ฝ่ายได้ร่วมตรวจสอบและกลั่นกรองรายชื่อ

                  ผู้ค้ายาเสพติดที่ปรากฏอยู่ในบัญชีด�า  เนื่องจากเห็นว่าเป็นบัญชีรายชื่อที่จัดท�าขึ้นมาแบบ  “ต่างคนต่างท�า”  และไม่สามารถน�ามาใช้เป็น
                  มาตรฐานในการปฏิบัติงานได้ ตลอดจนต้องการให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบกรณีผู้เสียชีวิตจากการวิสามัญฆาตกรรมและการฆ่าตัดตอน
                  ทุกกรณี และพร้อมกันนี้รัฐบาลต้องชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย

                                    นอกจากการกล่าวถึงมาตรการดังกล่าวขององค์กรสิทธิมนุษยชนภายในประเทศแล้ว องค์กรต่างประเทศ
                  ที่เฝ้าระวังด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ได้มีการกล่าวถึงภาพลักษณ์ในเชิงลบของไทยจากการปราบปรามยาเสพติดด้วยมาตรการ

                  ที่เด็ดขาดและรุนแรงด้วย  โดยองค์การระหว่างประเทศ  เช่น  องค์การสหประชาชาติ  ก็ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง
                  เกินกว่าเหตุในการปราบปรามด้วยเช่นกัน  โดยเมื่อวันที่  ๒๔  กุมภาพันธ์  ๒๕๔๖  นางแอสมา  จาฮันกีร์  (Asma  Jahangir)  ซึ่งด�ารง
                  ต�าแหน่งผู้แทนพิเศษของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ด้านการตรวจสอบการวิสามัญฆาตกรรม การสังหาร หรือ





                                                                                                                   23
                                    ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49