Page 42 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 42

ข้อสังเกต:

                                    คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑ กุมภาพันธ์  ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน  ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นช่วงการด�าเนิน
                  นโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้ขั้นแตกหักเพื่อเอาชนะยาเสพติด มีจ�านวนสูงผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจ�านวนคดี

                  ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วง ๒ ปีก่อน (พ.ศ. ๒๕๔๔ และ พ.ศ. ๒๕๔๕) และหลัง (พ.ศ. ๒๕๔๗ และ พ.ศ. ๒๕๔๘) การด�าเนินนโยบาย
                  ดังกล่าว โดยในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน  ๒๕๔๔ พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๗ และ พ.ศ. ๒๕๔๘ มีคดีฆาตกรรม
                  เกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ  ๔๕๔  คดี  แต่ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน  ๒๕๔๖  ที่มีการด�าเนินนโยบายของรัฐบาลในการ

                  ประกาศสงครามต่อสู้ขั้นแตกหักเพื่อเอาชนะยาเสพติด มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ ๘๕๓ คดี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๗.๘๙
                  ต่อเดือน


                          ๑.๓.๓ การร้องเรียนเกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
                                 การออกนโยบายที่แข็งกร้าวเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การปฏิบัติต่อกลุ่มผู้กระท�าความผิดด้าน

                  ยาเสพติดอย่างต่อเนื่องและรุนแรง  ประกอบกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดของรัฐบาลในขณะนั้น  ท�าให้มีผู้ค้ายาเสพติดหลาย
                  คนถูกเจ้าหน้าที่กระท�า  “วิสามัญฆาตกรรม”  และบางรายถูก  “ฆ่าตัดตอน”  ทั้งนี้  พ.ต.ท.ดร.ทักษิณฯ  ซึ่งเป็นผู้ก�าหนดแนวทางการ
                  ด�าเนินนโยบายฯ ออกมาในรูปแบบของการประกาศสงครามขั้นแตกหักกับยาเสพติด ตลอดจนหน่วยงานที่น�านโยบายฯ ไปปฏิบัติ

                  ต่างก็ต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากองค์การสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน หรือหน่วยงานของไทย
                  ที่ก�ากับดูแลด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของประชาชน จากนักวิชาการชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งจาก

                  สื่อมวลชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ เกี่ยวกับการออกนโยบายฯ ที่รุนแรงจนส่งผลให้เกิดการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้กระท�าความผิดด้าน
                  ยาเสพติดอย่างเกินกว่าเหตุและไม่เป็นธรรม เป็นเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
                  ดังนี้

                                 (๑) องค์กรสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ
                                    หลังจากที่การประกาศสงครามกับยาเสพติดเริ่มต้นไปได้ไม่นานการปฏิบัติงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                  เริ่มเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ นับตั้งแต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย

                  ซึ่งออกมากล่าวถึงการด�าเนินการปราบปรามยาเสพติดดังกล่าวว่า  เป็นการกระท�าที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน  และได้ออกแถลงการณ์ผ่าน
                  จดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรื่อง “ขอให้ยุติการปราบปรามยาเสพติดที่ใช้ความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชน” ซึ่ง
                  เห็นว่า การขึ้นบัญชีด�าการวิสามัญฆาตกรรม และการฆ่าตัดตอน เป็นสิ่งที่น�าสังคมไทยไปสู่มิคสัญญี และได้เรียกร้องให้รัฐบาลระงับ

                  มาตรการปราบปรามยาเสพติดที่ใช้ความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชน และให้สั่งการไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เร่งตรวจสอบ
                  การเสียชีวิตของผู้ที่ถูก  “วิสามัญฆาตกรรม”  และถูก  “ฆ่าตัดตอน”  และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน  โดยนายวสันต์  พานิช

                  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  (กสม.)  ได้ให้สัมภาษณ์ว่า  การจัดท�าบัญชีรายชื่อผู้ค้ายาเสพติดขาดการอ้างอิงหลักฐานที่ชัดเจนและ
                  ไม่มีพยานยืนยันได้แน่ชัดว่า บุคคลที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดจริงหรือไม่ และสาเหตุส�าคัญอีก
                  ประการหนึ่งที่ท�าให้มีผู้ถูกฆ่าตัดตอนเป็นจ�านวนมาก คือ การตีความของผู้ปฏิบัติงาน ดังจะเห็นได้จากการที่ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะ

                  ยาเสพติดระดับอ�าเภอแห่งหนึ่ง  ซึ่งจัดเป็นองค์กรที่น�านโยบายไปปฏิบัติ  ได้ระบุไว้ในตอนท้ายของหนังสือที่แจ้งให้ผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีมา
                  รายงานตัวต่อศูนย์ฯ ว่า “หากไม่มารายงานตัวจะไม่รับรองความปลอดภัยในทุกกรณี” และด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

                  จึงได้รับการร้องเรียนจากญาติของผู้ที่ได้รับความเสียหายให้ช่วยด�าเนินการตรวจสอบ ทั้งในส่วนของการด�าเนินคดีโดยมิชอบและ
                  การเสียชีวิตอันเป็นผลมาจากการประกาศสงครามกับยาเสพติดในช่วงปี  ๒๕๔๖  ซึ่งผลการตรวจสอบของ  กสม.  พบว่ามีจ�านวน  ๕๐
                  กรณี ที่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้บริสุทธิ์ และทาง กสม. ได้น�าหลักฐานการร้องเรียน รวมทั้งผลการตรวจสอบจ�านวน ๔๐ กรณี ส่งให้แก่กรม

                  สอบสวนคดีพิเศษแล้ว โดยผ่านทางนายสมชาย หอมละออ ซึ่งด�ารงต�าแหน่งประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสภาทนายความ






                                                                                                                    21
                                    ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47