Page 43 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 43
จากข้อมูลที่ปรากฏในรายงานผลการปฏิบัติงานประจ�าปี ๒๕๔๗ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการสรุปผลการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณฯ ระบุว่า เพียงแค่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
๒๕๔๖ คณะกรรมการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐมากถึง ๒๐๗ กรณี และ
จนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๔๖ มีจ�านวนค�าร้องเรียนรวมทั้งสิ้น ๒๕๖ กรณี ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้รับข้อมูลมาจากการให้หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษร และส่งเอกสารมาประกอบการพิจารณาตลอดจนให้ผู้ร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัด
นายอ�าเภอ เจ้าหน้าที่ต�ารวจ และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่มาให้ถ้อยค�าด้วยวาจาอีกครั้ง ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการน�านโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติมีอยู่ ๔ ประการที่ส�าคัญ ได้แก่
ประการแรก การขึ้นบัญชีผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้นกระท�าในระยะเวลาอันสั้นและมิได้ผ่าน
กระบวนการกลั่นกรอง ส่งผลให้มีผู้ที่ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดถูกขึ้นบัญชีเป็นจ�านวนมาก
ประการที่สอง การน�าสถิติการจับกุมมาเป็นหลักในการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับจังหวัด ท�าให้
เจ้าหน้าที่ต้อง “ท�ายอด” จึงท�าให้เกิดการจับกุม ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกปรักปร�าว่ามีส่วนพัวพันกับเรื่องยาเสพติดโดยอาศัยหลักฐานที่เป็นเท็จ
ประการที่สาม การวิสามัญฆาตกรรมหลายกรณีกระท�าไปโดยอ้างว่าผู้ที่ถูกวิสามัญฯ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึง
ท�าให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานที่สมเหตุสมผลมาด�าเนินคดีได้
ประการสุดท้าย การเร่งด�าเนินการตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยต้องการท�าลาย
ขบวนการค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ท�าให้ขาดการสอบสวนว่าทรัพย์สินเหล่านั้นได้มาจากการค้ายาเสพติดจริงหรือไม่ จึงท�าให้
เกิดการร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับความเสียหายว่า ทรัพย์สินที่ถูกทางการยึดไปนั้นเป็นทรัพย์มรดกบ้าง หรือได้มาจากการประกอบอาชีพ
สุจริตบ้าง
ปัญหาทั้งสี่ประการในข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยึดหลักกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัดในการ
ปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณฯ และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนแสดงความคิดเห็นผ่านทางบทความของ
26
สมาคมฯ เรื่อง “ฆาตกรรมเชิงนโยบาย” กล่าวโจมตีนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณฯ ว่า เป็นนโยบาย
ที่ละเมิดกฎหมายภายในประเทศ เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ พระราชบัญญัติมาตรการในการ
ปราบปรามผู้กระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ และกฎหมายระหว่างประเทศ เรื่องหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของ
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลไทยได้ลงนามรับรองไว้เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๙ สมาคม
สิทธิเสรีภาพของประชาชนเห็นว่า การด�าเนินงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลเป็นการกระท�าที่ผิดกฎหมายและท�าลาย
กระบวนการยุติธรรมในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ประเด็นแรก รัฐบาลได้จัดตั้ง ศตส. ขึ้นมาเพื่อให้เกิดการรวมศูนย์อ�านาจในการแก้ไข
ปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นข้อดีในเรื่องของการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากกว่า
๒๐ ฉบับ และเมื่อพิจารณาในเรื่องของการปฏิบัติแล้ว รัฐบาลมิได้มีมาตรการในการบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งขาดการก�ากับดูแลให้การปฏิบัติด�าเนินไปตามครรลองของกฎหมายด้วย
การที่รัฐบาลมอบอ�านาจให้ ศตส. ระดับจังหวัดและระดับนครบาล ซึ่งอยู่ในการบังคับบัญชาของกระทรวง
มหาดไทย จัดท�าบัญชีรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าพัวพันกับการค้ายาเสพติดนั้นถือว่าเป็นการกระท�าที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายของ
ไทยรองรับเพียงเฉพาะอ�านาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงินเท่านั้นในการจัดท�าบัญชีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด โดยที่มิได้ครอบคลุมถึงหน่วยงานในสังกัดของ
กระทรวงมหาดไทย
26
ชุติมา บ�ารุงญาติ, “ผลผลกระทบจากการด�าเนินนโยบายสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด” วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย
เชียงใหม่, พ.ศ. ๒๕๕๒
22
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖