Page 97 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 97
บทที่ ๕
เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง คะเรนนี ฉานหรือไทใหญ่ ดังนั้น โอกาสที่จะผสมกลมกลืนกับประชาชนไทยในบริเวณชายแดน จึงเป็น
เรื่องค่อนข้างจะเป็นไปได้ง่ายดาย เนื่องจากมีภาษาและวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับประชากรไทยที่อยู่บริเวณชายแดน
แม้กระทั่งผู้ลี้ภัยที่นับถือศาสนาอิสลามก็สามารถจะผสมกลมกลืนกับประชากรชาวมุสลิมที่ตั้งรกรากอยู่ในบริเวณ
ชายแดน และในจังหวัดต่างๆ ได้ง่าย ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มมุสลิมมีเครือข่ายช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกันอย่างเข้มแข็ง นอกจากนั้น
หากพิจารณาในมุมมองของประเทศไทย ปัจจุบันยังมีความต้องการก�าลังคนในการพัฒนาทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม
ภาคธุรกิจและบริการอย่างมาก อย่างไรก็ดี ผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนสถานภาพจากผู้ลี้ภัยเป็นแรงงานข้ามชาติที่เข้าเมืองอย่างถูกต้อง
ตามกฎหมาย
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ควรให้โอกาสแก่ผู้ลี้ภัยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกที่จะอาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่กลับคืนสู่ประเทศต้นทาง ทั้งนี้
UNHCR จะต้องให้การอ�านวยความสะดวกและสนับสนุนเช่นเดียวกับผู้ลี้ภัยที่จะเลือกเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมในประเทศพม่า/
เมียนมาร์ จัดให้มีการฝึกอบรม เพื่อให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้เข้าใจกฎหมายไทย รวมทั้งให้ข้อมูลในการพัฒนาศักยภาพในการด�ารงชีวิต และ
การหางานท�าในประเทศไทย
๗. ทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับพื้นที่ “ชายแดน” และชุมชนชายแดน
ปัจจุบันกล่าวได้ว่า บริเวณพื้นที่ชายแดน (Borderland) ระหว่างประเทศไทยและพม่า/เมียนมาร์ ซึ่งมีเส้นเขตแดนขีดกั้น
ระหว่างสองประเทศ กลายเป็นพื้นที่ที่มีความหมายใหม่ในบริบทของการพัฒนาและการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่เดิมรัฐบาลไทย
มองพื้นที่ชายแดนจากมุมมองของความมั่นคงของชาติ จึงยอมให้กองก�าลังถืออาวุธชนกลุ่มน้อยเป็น “แนวกันชน” ตั้งฐานปฏิบัติการ
หรือใช้หลบซ่อนกองทัพพม่า รวมทั้งเป็นเส้นทางที่กองก�าลังเหล่านี้เข้ามาหาเสบียงอาหารหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ ในช่วงเวลาที่กองทัพ
พม่าได้ปราบปรามกองก�าลังถืออาวุธชนกลุ่มน้อย รัฐบาลไทยได้จัดตั้งค่ายผู้ลี้ภัยเพื่อให้ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบเข้าพักพิงหนีภัยสงคราม และ
พร้อมที่ผลักดันส่งกลับเมื่อเหตุการณ์สงบลง แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลไทยยังไม่สามารถส่งผู้ลี้ภัยกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมได้
อย่างไรก็ดี หลังจากมีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน�้าโขง ที่รัฐบาลไทยเปลี่ยนท่าทีจาก
“สนามรบ” เป็น “สนามการค้า” ในช่วง พ.ศ. ๒๕๓๐ จนกระทั่งการรวมตัวกันของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเป็นประชาคม
อาเซียนในระยะต่อมา ประเทศไทยได้มองเห็นความส�าคัญของการเชื่อมโยง (Connectivity) กับประเทศสมาชิกที่มีพรมแดนติดต่อกัน
อันน�ามาซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเชื่อมโยงเมืองส�าคัญและตลาดในภูมิภาคอาเซียน เช่น เส้นทาง East-West
Corridor หรือ North-South Corridor เป็นต้น บริเวณพื้นที่ชายแดนจึงกลายเป็นพื้นที่ที่มีความส�าคัญทางเศรษฐกิจ เป็นต้นว่า พื้นที่
บริเวณชายแดนด้านจังหวัดกาญจนบุรี บ้านน�้าพุร้อนได้กลายเป็นพื้นที่ที่เริ่มมีการลงทุนทางเศรษฐกิจโดยบริษัทเอกชนไทย กับทั้งเป็น
การเชื่อมต่อไปยังเขตอุตสาหกรรมและท่าเรือน�้าลึกทวาย พื้นที่บริเวณอ�าเภอแม่สอดกลายเป็นตลาดชายแดนและช่องทางการส่งสินค้า
ออกไปยังประเทศพม่า/เมียนมาร์ที่มีความส�าคัญ และมีปริมาณการส่งสินค้าข้ามแดนสูงมากขึ้น รวมทั้งมีแรงงานอพยพและโรงงาน
อุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลางจ�านวนมาก ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้ก�าหนดพื้นที่บริเวณชายแดนในอ�าเภอแม่สอดให้มีฐานะเป็น
“เขตเศรษฐกิจพิเศษ” มีแผนการสร้างถนนเชื่อมติดต่อกับเส้นทางสายเอเชียและมีโครงการขุดเจาะอุโมงค์เพื่อย่นระยะทางจากจังหวัด
ตากสู่ชายแดนแม่สอดให้สั้นลง ในขณะเดียวกัน พื้นที่บริเวณชายแดนดังกล่าว ก็มีการขยายการปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ดอกกุหลาบ
กล้วย ผักสด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวโพดที่ปลูกเพื่อขายให้แก่บริษัทเกษตรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กิจกรรมเหล่านี้ต้องการแรงงาน
ในการผลิตเป็นจ�านวนมาก
หมู่บ้านชายแดนไทย - พม่า/เมียนมาร์ จึงเริ่มเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ที่ก�าลังจะเกิดขึ้น จากการพัฒนา
“เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด” และการขยายพื้นที่การปลูกพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ราบริมฝั่งแม่น�้าและบริเวณภูเขา ซึ่งมีผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมและการสูญเสียพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้น�าไปสู่ค�าถามว่า สมควรจะมีนโยบายในการพัฒนา
พื้นที่ชายแดนอย่างไรจึงจะเหมาะสม และผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะมีบทบาทอย่างไรในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน
ประการแรก หากการพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้ความส�าคัญต่อการการพัฒนาเศรษฐกิจ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
โดยไม่ค�านึงถึงความยั่งยืน ผลที่จะเกิดขึ้นก็คือการสูญเสียสิ่งแวดล้อม และปัญหาความเหลื่อมล�้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะมีเพิ่มมากขึ้น
84 85
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว