Page 50 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน
P. 50
ของสมาชิก และพ่อแม่ผู้ปกครองมีอ�านาจเบ็ดเสร็จเหนือบุตรของตน (Zhang, H.X., & Locke, C.
2002) ตามความคิดความเชื่อของลัทธิขงจื๊อ ซึ่งให้ความส�าคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว
l Law on Protection of People’s Health
กฎหมายมีบทบัญญัติเรื่องสิทธิในการดูแลและป้องกันสุขภาพ (Rights to Health Care and
Health Protection) เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวมาตั้งแต่ปี ๑๙๘๙ ในหมวดที่ ๘ การวางแผน
ครอบครัวและสุขภาพของมารดาและบุตร มาตรา ๔๓ ระบุไว้ดังนี้
“บุคคลมีหน้าที่ที่จะต้องมีการวางแผนครอบครัว มีสิทธิที่จะเลือกใช้วิธีการคุมก�าเนิด
ได้ด้วยตนเอง แต่ละคู่ควรจะมีบุตรหนึ่งหรือสองคน โดยที่รัฐจะใช้นโยบายและมาตรการ
ที่จูงใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่จ�าเป็นส�าหรับทุกคน การบริการด้านวัฒนธรรมและการ
ศึกษาด้านสาธารณสุข สื่อมวลชน และองค์กรด้านสังคมมีหน้าที่ที่จะต้องเผยแพร่
และให้ความรู้แก่ประชาชนและโปรแกรมการวางแผนครอบครัวส�าหรับประชาชน”
และอนุญาตให้มีการท�าแท้งและการปรับประจ�าเดือนได้ โดยในมาตรา ๔๔ ระบุถึงสิทธิของ
ผู้หญิงในการตรวจภายในและการรักษา การท�าแท้ง และการปรับประจ�าเดือน อย่างไรก็ตาม Hoang
Ba Thinh (2009) ระบุว่า การท�าแท้งและการปรับประจ�าเดือนไม่ได้เป็นวิธีหนึ่งในการวางแผน
ครอบครัว แต่เป็นบริการด้านสาธารณสุขเพื่อยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ และเป็นความล้มเหลว
ของการคุมก�าเนิด สังคมยังมีอคติต่อการท�าแท้งของผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน น�าไปสู่การชะลอ
การท�าแท้งและการเลือกที่จะไปท�าแท้งที่คลินิกเอกชนเพื่อรักษาความลับ เหตุผลนี้เองท�าให้เกิด
ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้หญิง แม้ว่านโยบายด้านการวางแผนประชากร
หัวข้อ C มาตรา ๑๓ บัญญัติไว้ว่า “ผู้หญิงอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไปจะได้รับวิธีการคุมก�าเนิด รวมถึง
บุคคลที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการด้วย” (NCPFP-UNFPA, 1996: 513) และกฎหมาย
การป้องกันด้านสุขภาพจะอนุญาตให้บุคคลมีสิทธิที่จะเลือกใช้วิธีคุมก�าเนิดได้ด้วยตนเอง แต่
จากการส�ารวจพบว่า อัตราการท�าแท้งในหมู่วัยรุ่นและเยาวชนหญิงมีอัตราที่สูง ประมาณร้อยละ
๒๐ - ๓๐ ของจ�านวนการท�าแท้งของประเทศเวียดนามในแต่ละปี (Vy and Hoa, 2007: 28)
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ // 49