Page 162 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน
P. 162
ต่างๆ ของแต่ละรัฐโดยอาศัยวัฒนธรรม ความเชื่อ และจารีตประจ�ารัฐมาเป็นกรอบ แทนการน�า
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และ
วัฒนธรรม อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ
เด็ก แผนปฏิบัติการประชากรและการพัฒนา และแผนปฏิบัติเพื่อความก้าวหน้าของสตรี มาเป็น
กรอบในการบัญญัติกฎหมายและบังคับใช้ ซึ่งน�าไปสู่การไม่คุ้มครองสิทธิมนุษยชน สิทธิอนามัย
เจริญพันธุ์ของเยาวชนหญิงตั้งครรภ์
ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเยาวชนหญิงตั้งครรภ์ นอกเหนือจากการกระท�าความ
รุนแรง ท�าร้ายร่างกาย ท�าให้ตกอยู่ในอันตราย บังคับขู่เข็ญ ประณาม ท�าให้อับอาย ซึ่งเป็นความ
รุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเยาวชนหญิงตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นในระดับปัจเจกแล้ว จากการ
ศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า ความรุนแรงเชิงโครงสร้างยังเป็นอีกความรุนแรงหนึ่งที่เกิดขึ้น
กับเยาวชนหญิงตั้งครรภ์ ได้แก่ การมองข้ามสิทธิต่างๆ ที่เยาวชนและเยาวชนหญิงตั้งครรภ์พึงได้รับ
๔.๑.๑ ด้านกฎหมาย
จากการศึกษา การละเมิดสิทธิมนุษยชนและความรุนแรงเชิงโครงสร้างต่อเยาวชนหญิง
ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม พบว่ามาจากวัฒนธรรมของแต่ละสังคมและรัฐ ซึ่งถูกสะท้อนอย่างชัดเจนผ่าน
กฎหมายของรัฐนั้นๆ ซึ่งจากการศึกษาในครั้งนี้ ได้มุ่งศึกษาถึงกฎหมาย ๔ รัฐในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งทั้ง ๔ รัฐมีวัฒนธรรมที่แตกต่าง
กันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องความเชื่อและจารีต ซึ่งต่างเป็นปัจจัยส�าคัญในการก�าหนดลักษณะ
ของกฎหมายที่มีอิทธิพลต่อสิทธิมนุษยชน สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ของเยาวชนหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเวียดนาม
ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แม้ว่าจะรับเอามุมมองเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นแนวคิดที่น�าเข้าจากตะวันตก
แต่การน�าแนวคิดนี้มาใช้มีความแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศด้วยเช่นกัน กฎหมายที่
สะท้อนฐานคิดทางสังคมและวัฒนธรรม บางส่วนย้อนแย้งกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทาง
เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ที่ทั้ง ๓ รัฐยินยอมให้จารีตประเพณีมีอิทธิพล ความส�าคัญ
เหนือกว่าสิทธิมนุษยชน สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ของประชาชน
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ // 161