Page 36 - รายงานการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ
P. 36
32
การจ้างงานคนพิการ (ข้อ 27 ของอนุสัญญาฯ)
60. พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มาตรา
33-35 ก าหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐ
ต้องรับคนพิการเข้าท างานในอัตราส่วนที่ก าหนด โดยปัจจุบัน นายจ้างหรือสถาน
ประกอบการและหน่วยงานของรัฐที่มีลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป
ต้องรับคนพิการเข้าท างาน 1 คน นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการใดที่
ไม่ได้รับคนพิการเข้าท างานตามที่ก าหนด จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและ
พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรืออาจให้สัมปทาน จัดสถานที่จ าหน่ายสินค้าหรือ
บริการ จัดจ้างเหมาช่วงงาน ฝึกงาน หรือให้การช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการ
หรือผู้ดูแลคนพิการแทน ซึ่งจากสถิติการรับคนพิการเข้าท างานของกรมส่งเสริม
และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พบว่า หน่วยงานของรัฐยังรับคนพิการเข้า
ท างานน้อยกว่าผู้ประกอบการเอกชนมาก ดังเห็นได้จากในปี 2556 มีคนพิการที่
ได้รับการจ้างงานและได้รับความช่วยเหลือจากผู้ประกอบการเอกชนตาม
กฎหมายรวม 30,769 คนจากจ านวนคนพิการที่ภาคเอกชนต้องจ้าง ในอัตราส่วน
ตามที่กฎหมายก าหนดทั้งหมด 53,689 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ในขณะที่
หน่วยงานของรัฐได้จ้างและให้ความช่วยเหลือคนพิการรวม 1,280 คนจากจ านวน
คนพิการที่ต้องจ้างทั้งหมด 10,851 คน หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 9.5 เท่านั้น
61. แม้ไทยจะมีกฎหมายส่งเสริมการจ้างงานของคนพิการ แต่หน่วยงานที่
เกี่ยวข้องไม่มีมาตรการที่จะเตรียมคนพิการให้มีความพร้อมส าหรับการท างาน
และคนพิการต้องการมีส่วนร่วม ในการก าหนดนโยบายในเรื่องนี้มากกว่าเพียง
การมีงานท าเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันคนพิการส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอง
มากกว่าและคนพิการกลุ่มนี้ ต้องการการสนับสนุนด้านความรู้ในการประกอบ
ธุรกิจและเงินทุน ปัญหาในการท างานของคนพิการ คือ ไม่ได้รับการฝึกอบรม