Page 215 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 215

214  รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗











                        เรื่องที่  สิทธิ และเสรีภาพส่วนบุคคล

                          ๓        การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล  ๙๑


                                    สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวรวมถึงสิทธิที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิทธิมนุษยชน
                    ขั้นพื้นฐานอันได้รับการรับรองและคุ้มครองจากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ

                    ทางการเมือง แบ่งได้เป็น ๔ ประเภท คือ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิใน
                    ความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และ

                    สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับการอยู่หรือพักอาศัย  แม้ประเทศไทยมีกฎหมายให้ความคุ้มครอง
                    ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มโดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลเป็นเอกชน

                    ประกอบกับสำานักงาน กสม. ร่วมกับสถาบันวิจัยและให้คำาปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย
                    ผศ.ดร.นนทวัชร์ นวตระกูลพิสุทธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ปัญหา

                    และมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว” จึงเห็นควรจัดทำาเป็น
                    ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎต่อไป

                              กสม. ได้มีข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี
                    รัฐสภา สำานักนายกรัฐมนตรี สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำานักงานคณะกรรมการกิจการ

                    กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.)  กระทรวงสาธารณสุข  แพทยสภา
                    ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สรุปได้ ดังนี้


                              ข้อเสนอแนะนโยบาย

                              ๑)  โดยที่พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการฯ มีเจตนารมณ์เพื่อให้ประชาชนได้รับ
                    และมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยมีข้อยกเว้นอันไม่ต้องเปิดเผยที่แจ้งชัดและจำากัดเฉพาะ

                    ข้อมูลข่าวสารที่หากเปิดเผยแล้ว จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือต่อประโยชน์ที่สำาคัญของ
                    เอกชน  ส่วนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ มีเจตนารมณ์เพื่อให้มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูล

                    ส่วนบุคคลเป็นการทั่วไป เพื่อคุ้มครองบุคคลจากการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล  โดยเฉพาะการนำา
                    ข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาประโยชน์หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

                    จนเกิดความเดือดร้อนรำาคาญหรือความเสียหายแก่ผู้นั้น  ดังนั้น คณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายกรัฐมนตรี
                    (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) ซึ่งรับผิดชอบกฎหมายทั้งสองฉบับ ควรบริหารจัดการ

                    ให้มีมาตรการเพื่อประกันว่า เจ้าหน้าที่ในสังกัดมีความเข้าใจและปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยบังคับกฎหมาย
                    ข้างต้นเพื่อให้ต้องด้วยกรณีแต่ละกรณีไป ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่แตกต่างกันทั้งสองฉบับ





                    ๙๑  รายงานเลขที่ ๓๑๖/๒๕๕๗
   210   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220