Page 210 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 210

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗ 209











                       ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน  โดยเมื่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรี

                       ครั้งแรกสิ้นสุดลงแต่มีความจำาเป็นต้องขยายระยะเวลาควรกำาหนดให้นายกรัฐมนตรีขอความเห็นชอบ
                       จากรัฐสภา

                                     (๒)  รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี ควรพิจารณาดำาเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำานาจ
                       หน้าที่เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ข้อพิพาทที่เกิดจากการใช้อำานาจตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการ

                       ในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อยู่ในอำานาจการพิจารณาตรวจสอบของระบบศาลที่ถูกต้อง กล่าวคือ หาก
                       ข้อพิพาทดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อพิพาททางแพ่งหรือทางอาญา ควรพิจารณากำาหนดให้อยู่ในอำานาจ

                       ของศาลยุติธรรม  แต่ถ้าข้อพิพาทดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อพิพาททางปกครองควรพิจารณากำาหนดให้อยู่
                       ในอำานาจของศาลปกครอง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำา

                       ทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในอำานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
                       ดังเช่นนานาอารยประเทศ

                                     (๓)  รัฐสภา คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรยกเลิกมาตรา ๑๗ เนื่องจาก
                       แม้จะไม่มีบทบัญญัติดังกล่าวกำาหนดไว้ หากพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงาน

                       เจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุ
                       หรือไม่เกินกว่ากรณีจำาเป็น บุคคลนั้นก็ไม่จำาต้องรับผิดและจะทำาให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่

                       และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดดังกล่าว มีความระมัดระวังมากขึ้น
                       และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  รวมทั้งทำาให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน

                       เจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดมากยิ่งขึ้น
                                     (๔)  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงกลาโหม ควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกองอำานวยการ

                       รักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ว่าด้วยวิธีปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๑ แห่ง
                       พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ข้อ ๓.๗ วรรคสอง ซึ่งกำาหนดให้การร้องขอ

                       ขยายเวลาควบคุมไม่ต้องนำาตัวผู้ถูกควบคุมตัวมาศาล แต่ต้องแสดงให้ศาลเห็นถึงเหตุจำาเป็นที่ต้องขอ
                       ขยายเวลาควบคุมเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นให้ต้องนำาตัวผู้ถูกควบคุมมาศาล

                       ในทุกกรณี เพื่อให้ทุกฝ่ายได้แสดงให้ศาลเห็นว่ามีเหตุผลและความจำาเป็นที่ต้องควบคุมตัวต่อไปหรือไม่
                       หรือยกเลิกระเบียบในข้อดังกล่าว

                                     (๕)  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงกลาโหม สำานักงานตำารวจแห่งชาติและหน่วยงาน
                       ที่เกี่ยวข้อง ควรนำาบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ในทันทีเมื่อบุคคลใด

                       ต้องถูกจับและควบคุมตัวตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ไม่ว่าจะเป็นการ
                       ควบคุมตัวเด็ก เยาวชน ผู้เยาว์ และสตรีหรือบุคคลใด โดยไม่ต้องรอให้ระยะเวลาการควบคุมตัวสามสิบวัน

                       ตามพระราชกำาหนดผ่านพ้นไปก่อนและต้องมีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำาหนดไว้ในประมวลกฎหมาย
                       วิธีพิจารณาความอาญาอย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะสิทธิใน

                       กระบวนการยุติธรรม
   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215