Page 116 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 116
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗ 115
๑๔ คน โดยกล่าวหาว่า “ก่อสร้างแผ้วถางเผาป่า หรือกระทำาด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำาลายป่าและ
เข้าไปยึดถือครอบครองตลอดจนการก่อสร้างฯ” ซึ่งผู้ร้องอ้างว่า ที่ดินที่ได้ครอบครองและทำาประโยชน์
มีหนังสือสำาคัญเป็นใบจอง (น.ส. ๒) ที่ทางราชการออกให้ตั้งแต่ ปี ๒๕๐๑ และทำาประโยชน์ต่อเนื่องมา
จากบรรพบุรษ และผู้ร้องอ้างว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบและจับกุมดำาเนินคดีกับชาวบ้านอีกประมาณ
๓๐๐ คน ที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณดังกล่าว
F กรณีที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกว่า ๑๐๐ คน อ้างคำาสั่ง ที่ ๖๖/๒๕๕๗ ของ
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าทำาการรื้อถอนและเผาทำาลายบ้านเรือน ทรัพย์สิน รวมทั้งพืชไร่
ของผู้ร้องและชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนจังหวัดบุรีรัมย์ สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านที่ใช้พื้นที่ดังกล่าว
อยู่อาศัยและทำากินมานานกว่า ๓๐ ปี
ปัญหาที่พบอีกประการหนึ่ง คือ ในบางพื้นที่ ชุมชนได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ดิน
อย่างเป็นระบบ และมีกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องระหว่างประชาชนในพื้นที่กับองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น จนเกิดเป็นข้อบัญญัติท้องถิ่นเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อใช้แก้ไขปัญหา
ร่วมกันอย่างสันติ เช่น ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำาบลแม่ทา ว่าด้วยการจัดการป่าชุมชนตำาบล
๕๘
แม่ทา พ.ศ. ๒๕๕๐ แต่ผลของคำาสั่งและแผนแม่บทดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำาเนินการ
ตามข้อบัญญัติ และทำาให้กระบวนการจัดการปัญหาโดยประชาชนขาดความต่อเนื่อง
๓) การประเมินสถานการณ์
เมื่อพิจารณาจากบทบาทของรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กติการะหว่าง
ประเทศและข้อเสนอแนะจากกระบวนการ UPR ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า โดยเห็นว่า
้
ปัญหาที่ดินและป่าที่สำาคัญ คือ ปัญหาในเชิงโครงสร้างที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมลำา นอกเหนือไปจากปัญหา
ด้านกฎหมาย และการดำาเนินงานของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ
การที่รัฐบาลปัจจุบันได้กล่าวถ้อยแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๒
้
กันยายน ๒๕๕๗ ให้ความสำาคัญกับการลดความเหลื่อมลำาของสังคม ได้แก่ การแก้ปัญหาการไร้
้
ที่ดินทำากินของเกษตรกรและการรุกลำาเขตป่าสงวน โดยการกระจายสิทธิการถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ใน
้
พื้นที่ที่ไม่ได้รุกลำา และออกมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในครอบครองของผู้ที่มิใช่เกษตรกร
ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำารวจและวิธีการแผนที่ที่ทันสมัย แก้ไขปัญหาเขตที่ดินทับซ้อนและแนวเขต
พื้นที่ป่าที่ไม่ชัดเจน อันก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยให้ความสำาคัญในการ
๕๘ อรอนงค์ พลอยวิเลิศ และกฤษฎา วงศ์วิลาสชัย. (๒๕๕๘). ข้อบัญญัติท้องถิ่น กับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ กรณี ตำาบลแม่ทา
อำาเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่. ดูรายละเอียดเพิ่มเติม <www.codi.or.th/index.php/samples/185-landresolve-case-
study/2661-2013-06-16-07-28-37> เข้าดู ณ วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘