Page 16 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 16
14 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
ผลงานลำาดับที่ ๕
เรื่อง ก�รคัดเลือกเข้�รับร�ชก�รทห�รกองประจำ�ก�รโดยวิธีสมัครใจ
ต�มพระร�ชบัญญัติก�รรับร�ชก�รทห�ร พ.ศ. ๒๔๙๗
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในข้อ ๑๘ กล่าวว่า บุคคลทุกคน
ย่อมมีสิทธิในเสรีภาพทางความคิด มโนธรรม และศาสนา สิทธินี้ย่อมรวมถึงเสรีภาพในการมีหรือนับถือศาสนา
หรือมีความเชื่อตามคตินิยมของตน การเกณฑ์ทหารในต่างประเทศมีปัจเจกชนได้อ้างสิทธิ ในข้อ ๑๘ แห่ง
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่จะปฏิเสธเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจ
ด้านการทหาร เพราะขัดกับเสรีภาพทางความคิด มโนธรรม และความเชื่อทางศาสนาที่เขานับถืออย่างแท้จริง
โดยรัฐต้องให้บุคคลดังกล่าวมีทางเลือกในการรับใช้ชาติอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาวุธ และต้องไม่มี
การเลือกปฏิบัติที่แตกต่างแก่ผู้คัดค้านโดยอ้างมโนธรรม (Conscientious Objectors) รวมทั้งมีมาตรการ
ที่รัฐต้องพิจารณาให้เชื่อได้ว่า บุคคลนั้นเป็นผู้มีความคิด มโนธรรมและความเชื่อทางศาสนาอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามประเทศต่างๆ ในแถบยุโรปได้ยกเลิกการรับราชการทหารโดยบังคับและหลายประเทศการรับราชการ
ทหารได้มีหรือเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบบสมัครใจ
สำาหรับประเทศไทยหลักการในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๗๓
บัญญัติให้ “บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหาร... ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ” ซึ่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร
พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๗ บัญญัติให้ “ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมาย มีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเอง
ทุกคน” เมื่อพิจารณาหลักการตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ ๑๘ ข้างต้น
ซึ่งกำาหนดว่า เสรีภาพในการมีหรือนับถือศาสนาเป็นสิทธิที่จะละเมิดหรือลดทอนมิได้ (Non-Derogable Right)
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ การนำาบทบัญญัติมาตรา ๗ ของพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗
มาใช้กับชายซึ่งมีสัญชาติไทยทุกคน รวมถึงผู้คัดค้านโดยอ้างมโนธรรม (Conscientious Objectors) จึงไม่
สอดคล้องกับหลักการตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทย
เป็นภาคี อย่างไรก็ตาม หากยังไม่มีข้อยกเว้นแก่บุคคลที่มีความคิด มโนธรรมและความเชื่อทางศาสนา
อย่างแท้จริง รัฐบาลต้องพิจารณาจัดทางเลือกในการรับใช้ชาติที่ไม่ต้องปฏิบัติภารกิจในการสู้รบหรือมีลักษณะ
งานพลเรือนเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Alternative National Service) รวมทั้งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร
พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นกฎหมายที่บังคับใช้มานาน จึงควรทบทวน ศึกษา และวิจัยเกี่ยวกับการทหารในต่างประเทศ
เพื่อเปลี่ยนให้เป็นระบบสมัครใจและสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนในปัจจุบัน และมีแนวทางการแก้ไข
ปัญหาหรือมีมาตรการระยะสั้นในการเยียวยาหรือการป้องกันแก่บุคคลผู้มีความคิด มโนธรรม และความเชื่อ
ทางศาสนาอย่างแท้จริง เช่น การพิจารณาจัดทางเลือกในการรับใช้ชาติที่ไม่ต้องปฏิบัติภารกิจในการสู้รบ
หรือมีลักษณะงานพลเรือนเพื่อประโยชน์สาธารณะ มีกลไกหรือมีมาตรการหลีกเลี่ยงการฝึกหรือปฏิบัติภารกิจ
ที่ต้องจับอาวุธ หรือให้ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ เป็นต้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาและมีข้อเสนอแนะนโยบายเรื่องนี้ว่า คณะรัฐมนตรี
ควรศึกษากระบวนการรับราชการทหารกองประจำาการในต่างประเทศ เพื่อพิจารณาปรับปรุงเป็นระบบสมัครใจ
และสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน และแนวทางแก้ปัญหาหรือมาตรการระยะสั้นในการเยียวยาหรือป้องกัน
ผู้มีความคิด มโนธรรม ความเชื่ออย่างแท้จริงที่คัดค้านการสู้รบ หากประเทศไทยมีความพร้อมควรพิจารณา