Page 15 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 15

13
                                              ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                     ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                  ได้ให้คำามั่นโดยสมัครใจภายใต้กลไกการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายในประเทศของสหประชาชาติ

                  (Universal Periodic Review : UPR) รอบที่หนึ่ง (ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๑ – ๒๕๕๔) ว่าจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO
                  สองฉบับข้างต้น  มีการแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘  และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจ

                  สัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นกิจกรรมหนึ่ง
                             คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาและมีข้อเสนอแนะนโยบายเรื่องนี้ว่า รัฐบาล

                  ควรมีนโยบายและแผนการที่ชัดเจนในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๘๗ (เสรีภาพในการสมาคมและ
                  การคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว)  และฉบับที่ ๙๘ (สิทธิในการรวมตัวและร่วมเจรจาต่อรอง) โดยไม่ต้องรอ
                  การแก้ไขกฎหมายภายในก่อน มีการบัญญัติหรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้คนทำางานทุกประเภทมีสิทธิและเสรีภาพ

                  ในการรวมตัวเจรจาต่อรอง จัดทำาระบบการจัดเก็บข้อมูลแรงงานข้ามชาติในระบบทะเบียนราษฎร กำาหนดเงื่อนไข
                  ในการใช้สิทธิรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติไว้ในกฎหมาย โดยคำานึงถึงตามหลักความจำาเป็นและได้สัดส่วน
                  ควรใช้คำาว่า “แรงงานข้ามชาติ” แทนคำาว่า “แรงงานต่างด้าว” มีการเผยแพร่หรือสนับสนุนให้องค์กรด้านแรงงาน

                  เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอนุสัญญา ILO ทั้งสองฉบับ

                             ในเชิงข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย  คณะกรรมการฯ เห็นว่า ระยะสั้น รัฐบาลและหน่วยงาน
                  ที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับอนุสัญญา ILO สองฉบับ  ระยะยาว ควรศึกษาและ
                  จัดทำากฎหมายที่เป็นกฎหมายกลางว่าด้วยสิทธิในการรวมตัว เจรจาต่อรองของคนทำางานทุกประเภท ทบทวน

                  ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ และร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ฯ ให้สอดคล้องกับ
                  อนุสัญญา ILO สองฉบับ  โดยแก้คำาว่า ลูกจ้าง เป็น คนทำางาน  แก้ไขบทบัญญัติที่มีลักษณะเป็นการแทรกแซง

                  จากเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ขั้นตอนการขอรับใบสำาคัญการจัดตั้งสมาคมนายจ้าง  สหภาพแรงงาน  การให้อธิบดี
                  หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าไปในสำานักงานของสหภาพแรงงานในเวลาทำาการ  ทั้งนี้ การเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว
                  ควรมีหมายค้นหรือคำาสั่งศาล  และการให้อธิบดีมีอำานาจสั่งให้กรรมการหรือคณะกรรมการของสมาคมนายจ้าง

                  หรือสหภาพแรงงานออกจากตำาแหน่ง ทั้งนี้ การให้บุคคลดังกล่าวออกจากตำาแหน่ง ควรเป็นคำาตัดสินของศาล
                  แก้ไขร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ  และร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ฯ โดยให้มี
                  บทบัญญัติที่ชัดเจนว่า  ให้สหภาพแรงงานเป็นสมาชิกสภาองค์กรลูกจ้างได้  ให้สหภาพ สหพันธ์แรงงานจัดตั้ง

                  สภาองค์การลูกจ้างได้  และให้สหภาพแรงงานสามารถรวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานและสภาองค์การลูกจ้าง
                  ได้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ทั้งสองฉบับ เป็นให้นายจ้าง องค์กรนายจ้าง และรัฐบาลจัดให้มี
                             ่
                  มาตรการขั้นตำาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดกับสาธารณชน (กรณีมีการนัดหยุดงาน) มีกลไกเจรจา โดยสมัครใจ
                  ระหว่างนายจ้าง องค์การนายจ้าง องค์การคนทำางาน  หากให้มีคณะกรรมการดำาเนินการชี้ขาดข้อพิพาท ควรให้
                  นายจ้าง องค์การนายจ้าง องค์การคนทำางานใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฟ้องศาลได้  ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์

                  ทั้งสองฉบับ ควรมีการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการสหภาพแรงงานจากการถูกแทรกแซงจากนายจ้าง
                  รายละเอียดอยู่ในผลงานลำาดับที่ ๔
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20