Page 124 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 124

122    ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


               ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทย

               มีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”  และพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
               พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ (๓) บัญญัติว่า “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีอำานาจหน้าที่เสนอแนะนโยบาย

               และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและคุ้มครอง
               สิทธิมนุษยชน”  ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมอบให้คณะอนุกรรมการด้านเสนอแนะนโยบายและ
               ข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนพิจารณาปัญหาดังกล่าวเพื่อมี

               ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
               ต่อไป



               ๓.  ข้อมูลประกอบการพิจารณา


                     ๓.๑  การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำาการ
                           การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำาการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗

               มีหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้

                           ๓.๑.๑  คุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้ารับราชการทหารกองประจำาการ
                                 ๑)  ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมาย และเป็นทหารกองเกินซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบแปดปี

               บริบูรณ์และยังไม่ถึงสามสิบปีบริบูรณ์ (มาตรา ๗ และมาตรา ๙)
                                 ๒)  ผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำาการ ได้แก่ พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์

               หรือที่เป็นเปรียญ และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวนที่มีสมณศักดิ์ และคนพิการทุพพลภาพ
               ซึ่งไม่สามารถเป็นทหารได้ (มาตรา ๑๓)
                                 ๓)  บุคคลเมื่อลงบัญชีทหารกองเกินแล้ว ไม่เรียกมาตรวจเลือกเข้ารับราชการทหาร

               กองประจำาการในยามปกติ ได้แก่ พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวน
               ซึ่งเป็นนักธรรมตามที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง นักบวชศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจำาในกิจของศาสนาตามที่

               กำาหนดในกฎกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดออกใบสำาคัญให้ไว้  บุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกวิชาทหาร
               ตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำาหนดตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร นักเรียนโรงเรียน
               เตรียมทหารของกระทรวงกลาโหม ครูซึ่งประจำาทำาการสอนหนังสือหรือวิชาการต่างๆ ที่อยู่ในความควบคุมของ

               กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น  ทั้งนี้ ตามที่กำาหนดในกฎกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัด
               ออกใบสำาคัญให้ไว้ นักศึกษาของศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ นักศึกษาของศูนย์ฝึก
               การบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม บุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ บุคคลซึ่งได้รับโทษจำาคุก

               โดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุกครั้งเดียวตั้งแต่สิบปีขึ้นไป หรือเคยได้รับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุก
               หลายครั้งรวมกันตั้งแต่สิบปีขึ้นไป หรือเคยถูกศาลพิพากษาให้กักกัน (มาตรา ๑๔)

                           ๓.๑.๒  วิธีการรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำาการ  ใช้การเรียกมาตรวจเลือกหรือวิธีอื่น

               ตามกฎกระทรวง โดยมีขั้นตอน คือ
                                 ๑)  ชายซึ่งมีสัญชาติไทย  เมื่อมีอายุย่างเข้าสิบแปดปีในพุทธศักราชใด ให้ไปลงบัญชี

               ทหารกองเกินภายในพุทธศักราชนั้น (มาตรา ๑๖)
   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129