Page 128 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 128
126 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวนที่มีสมณศักดิ์ คนพิการทุพพลภาพ ซึ่งไม่สามารถเป็น
ทหารได้ และมาตรา ๑๔ บัญญัติให้บุคคลดังต่อไปนี้ เมื่อลงบัญชีทหารกองเกินแล้วไม่เรียกมาตรวจเลือกเข้ารับ
ราชการทหารกองประจำาการในยามปกติ เช่น พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีน
หรือญวน ซึ่งเป็นนักธรรมตามที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง นักบวชศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจำาในกิจของศาสนา
ตามที่กำาหนดในกฎกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดออกใบสำาคัญให้ไว้ บุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกวิชาทหาร
ตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำาหนดตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร นักเรียนโรงเรียน
เตรียมทหารของกระทรวงกลาโหม นักศึกษาของศูนย์ฝึกการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม เป็นต้น
(๔) ผู้มีอำานาจในการตรวจเลือกทหารเข้ากองประจำาการ ตามมาตรา ๒๘ บัญญัติให้
่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกำาหนดผู้ดำารงตำาแหน่งเทียบได้ไม่ตำากว่าผู้บัญชาการกองพล เป็นผู้มีอำานาจ
แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเลือกและคณะกรรมการชั้นสูง ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมได้ออกคำาสั่งให้แม่ทัพภาค
เป็นผู้มีอำานาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเลือกในพื้นที่ของเขตทัพภาคของตน ในทางปฏิบัติกองทัพบกเป็น
เจ้าภาพหลักในการดำาเนินการ โดยมีหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนดูแลและควบคุมหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้เป็นไป
ตามกฎหมาย สำาหรับหน้าที่และวิธีการต่างๆ ของคณะกรรมการตรวจเลือกกำาหนดอยู่ในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๗
(พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ ข้อ ๒ โดยจะทำาการตรวจและ
คัดเลือกตามวันเวลาที่กำาหนดในเขตอำาเภอแต่ละจังหวัด รวมทั้งสิ้น ๙๒๗ อำาเภอ
(๕) วันคัดเลือกทหารกองประจำาการจะกำาหนดให้ผู้ที่รับหมายเรียกทหารกองเกินมาทำา
การคัดเลือกทหารกองประจำาการ โดยขั้นตอนที่ ๑ คณะกรรมการจะเรียกชื่อผู้ที่ได้รับหมายเรียกตามบัญชี
พร้อมทั้งตรวจบัตรประชาชนและหมายเรียก ขั้นตอนที่ ๒ เป็นการตรวจร่างกายโดยแพทย์ เมื่อตรวจแล้วจะ
แบ่งประเภทผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นจำาพวก โดยจำาพวกที่ ๑ ได้แก่ คนซึ่งมีร่างกายสมบูรณ์ดีไม่มีอวัยวะพิการ
หรือผิดส่วนแต่อย่างใด จำาพวกที่ ๒ ได้แก่ คนซึ่งมีร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าไม่สมบูรณ์ดีเหมือนคนจำาพวกที่ ๑
แต่ไม่ถึงทุพพลภาพ ซึ่งยังสามารถรับราชการได้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๗ (กรณีที่คนจำาพวกที่ ๑ มีไม่เพียงพอ)
จำาพวกที่ ๓ ได้แก่ คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้ เพราะป่วยซึ่งจะบำาบัด
ให้หายภายในกำาหนด ๓๐ วันไม่ได้ เช่น เข้าเฝือก ดามเหล็ก ซึ่งคนจำาพวกนี้แพทย์จะให้ปล่อยตัวไปก่อน
แล้วค่อยมารับการตรวจเลือกในปีถัดไป แต่หากปีถัดไปยังเป็นแบบนี้จนครบ ๓ ครั้งหรือ ๓ ปี จะงดเรียกทันที
จำาพวกที่ ๔ ได้แก่ คนพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคที่ไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ตามกฎกระทรวงที่ออกตาม
มาตรา ๔๑ ขั้นตอนที่ ๓ จะทำาการวัดขนาดของร่างกาย โดยวัดขนาดร่างกายคนจำาพวกที่ ๑ หากมีความสูง
เกิน ๑๖๐ ซม. ขึ้นไป และมีรอบตัวขนาด ๗๖ ซม. ขึ้นไป ถือเป็นคนประเภทได้ขนาด ถ้าสูง ๑๕๙ ซม. ลงมาและ
มีขนาดรอบตัว ๗๖ ซม. ขึ้นไปถือเป็นคนขนาดถัดรอง ถ้าสูงไม่ถึง ๑๔๖ ซม. หรือรอบตัวมีขนาดไม่ถึง ๗๖ ซม.
ถือว่าเป็นคนไม่ได้ขนาด ผู้ที่จับสลากเป็นคนที่ได้ขนาดเท่านั้น โดยสลากสีดำา คือ ไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร
กองประจำาการ สลากสีแดง ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำาการในหน่วยต่างๆ ตามที่สลากกำาหนดไว้ และเมื่อ
ปลดประจำาการแล้วสามารถได้รับการบรรจุเป็นทหารชั้นประทวน ทำาให้ได้ทหารที่มีความรู้และมีประสบการณ์
(๖) การคัดเลือกทหารในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ มีผู้อยู่ในเกณฑ์ต้องเข้ารับการตรวจเลือกประมาณ
๕ แสนคน โดยหักจำาหน่ายออกไปจะมีผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือก จำานวน ๔.๙ แสนคน กองทัพทั้ง ๓ เหล่าทัพ
มีความต้องการทหารกองประจำาการ รวมทั้งสิ้น ๑๐๐,๘๖๕ คน แต่มีผู้ร้องขอเข้ากองประจำาการ (สมัครใจ) เพียง
๓๓,๕๐๐ คน ทั้งนี้ หากผู้ร้องขอเข้ากองประจำาการมีขนาดร่างกายหรือโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหารจะ