Page 109 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 109
107
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
จัดตั้งสหภาพแรงงานคือเป็นลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจเดียวกันที่ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ มีสัญชาติไทย
มาตรา ๗๗ ที่กำาหนดว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจำาคุก... ซึ่งตามอนุสัญญาก็มีหลักว่าต้องไม่ใช้
โทษทางอาญาเพื่อลงโทษเกี่ยวกับแรงงาน
๒) ประเด็นที่กฎหมายไทยยังไม่สอดคล้องกับอนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘
คือ การจำากัดเสรีภาพในการสมาคมและสิทธิในการรวมตัวของกลุ่มของคนที่ไม่มีสัญชาติไทย การกำาหนดอายุ
่
ขั้นตำาของผู้ที่สามารถเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน (๑๕ ปี) ซึ่งยังมีข้อจำากัดในทางปฏิบัติ สิทธิในการรวมตัว
ของข้าราชการซึ่งยังไม่มีกฎหมายมารองรับ และทางปฏิบัติข้าราชการยังคงเข้าไม่ถึงสิทธิดังกล่าว สิทธิในการ
รวมตัวและนัดหยุดงานพนักงานรัฐวิสาหกิจซึ่งต้องมีสิทธิได้อย่างเต็มที่ ยกเว้นในกรณีที่ทำางานบริการสาธารณะ
ที่จำาเป็นยิ่ง แต่มาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ได้ห้ามนายจ้างปิดงานหรือ
ลูกจ้างนัดหยุดงานอย่างเด็ดขาด การกำาหนดประเภทบริการสาธารณะที่จำาเป็นยิ่ง (Essential Service)
ในประเทศไทยยังคงมีแนวคิดในเรื่องนี้ไม่ชัดเจน และยังมีการตีความที่แตกต่างจากองค์การแรงงานระหว่าง
ประเทศ กล่าวคือ บริการการท่าเรือ การรถไฟ องค์การแรงงานระหว่างประเทศเห็นว่า ไม่ใช่บริการสาธารณะ
ที่จำาเป็นยิ่ง (Essential Service) ถ้าต่อรองกันเพื่อเรียกร้องเงื่อนไขในการทำางานแล้วไม่สามารถตกลงกันได้
ไม่ควรบังคับให้เจรจาต่อรองกับฝ่ายที่สาม ข้อยกเว้นความมั่นคง มีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว เช่น พระราชบัญญัติ
กฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ กฎหมายอาญา จึงไม่จำาเป็นต้อง
บัญญัติไว้ในกฎหมายแรงงาน
๔.๔ เปรียบเทียบข้อกังวลและเหตุผลสนับสนุนการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO
ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘
เมื่อพิจารณาความเห็นจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์การพัฒนาเอกชน นักวิชาการ
และผู้ทรงคุณวุฒิด้านแรงงาน ข้างต้น อาจสรุปเป็นข้อกังวลต่อการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๘๗ และ
ฉบับที่ ๙๘ และเหตุผลสนับสนุนในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO โดยอาจแสดงเป็นตารางดังนี้
ต�ร�งที่ ๒ : เปรียบเทียบข้อกังวลต่อการเข้าเป็นภาคีและเหตุผลสนับสนุนการเข้าเป็นภาคี
อนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘
ข้อกังวลต่อการเข้าเป็นภาคี เหตุผลสนับสนุนการเข้าเป็นภาคี
การเข้าเป็นภาคีจะเปิดโอกาสให้มีการนัดหยุดงาน การปิด การรวมตัวและเจรจาร่วมต่อรองเป็นกลไกที่จะช่วยลดทอน
งาน อันกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และกระทบต่อ ปัญหาการเผชิญหน้าอันรุนแรงลงได้ โดยการส่งเสริม
บรรยากาศการลงทุน การพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริม
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง อันเป็น
การส่งเสริมบรรยากาศการลงทุน