Page 340 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 340

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                                                                                               National Human Rights Commission of Thailand

                            2.  รัฐควรมีนโยบายเรงรัดสํารวจตรวจสอบการใชที่ราชพัสดุของหนวยงานราชการตาง ๆ ใหเปน

               ไปตามความจําเปนเทานั้น หากหนวยราชการใดมีพื้นที่เกินความจําเปนใหกันคืนใหกับรัฐเพื่อนําไปจัดใหประชาชน

               ที่ไมมีที่ทํากินตอไป โดยเฉพาะอยางยิ่งพื้นที่การขอใชประโยชนในราชการทหารในอดีต

                            3.  เนื่องจากการแกไขปญหาการโตแยงสิทธิในที่ดินระหวางรัฐกับราษฎร ซึ่งเปนที่ดินของรัฐ
               อันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน เชน ที่สงวนหวงหามของรัฐ ที่สาธารณประโยชน และที่ราชพัสดุ เปนตน

               รัฐจะใชคณะกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) เปนกลไกในการแกไขปญหาที่สําคัญ แตองคประกอบ

               ของคณะกรรมการดังกลาว มีจํานวนมากและขาดการมีสวนรวมของประชาชน ไมมีกฎหมายรองรับอํานาจหนาที่

               อยางชัดเจน ทําใหผลการดําเนินการแกไขปญหาของคณะกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.)
               จึงไมเปนที่ยอมรับของประชาชน หนวยงานของรัฐ ไมสอดคลองกับขอเท็จจริง หาขอยุติไมได และยังทําให

               การแกไขปญหากรณีพิพาทลาชา ดังนั้น รัฐควรยกเลิกคณะกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.)

                            4.  รัฐควรมีนโยบายจัดตั้งกลไกแกไขปญหาที่ดินแบบถาวร ซึ่งตองมีกฎหมายรับรองการใชอํานาจ

               อยางแทจริง ซึ่งมีองคประกอบในกลไกดังกลาวตองมาจากตัวแทนผูมีสวนไดสวนเสีย ตลอดจนหนวยงานราชการ
               ตาง ๆ เกี่ยวของ และในระหวางการแกไขปญหาในพื้นที่พิพาทหนวยงานราชการที่มีหนาที่ปกครอง ดูแลตองให

               ชะลอการจับกุมและผอนผันใหทํากินไปจนกวาการแกไขปญหาจะไดขอยุติ

                            5.  ตามขอ 4 รัฐควรมีนโยบายปรับปรุงกระบวนวิธีการพิสูจนสิทธิในที่ดินใหมใหเปนที่ยอมรับ

               ของทุกฝาย
                            5.1)   กรณีการพิสูจนสิทธิในที่ดิน เห็นควรใหพิจารณาหลักฐานที่ทางราชการทําขึ้น หลักฐาน

               การครอบครองที่ดิน พยานบุคคล และหลักฐานอื่น ๆ ประกอบดวย โดยใหประชาชนมีสวนรวมในกระบวนการ

               พิสูจนสิทธิและรังวัดที่ดินนั้นดวย

                            5.2)   กรณีที่ราชพัสดุ ที่หนวยงานราชการไดสงวนหวงหามไวใชในราชการ หรือใหหนวยราชการ
               ที่เปนผูใชที่ราชพัสดุ มีหนาที่พิสูจนสิทธิการไดมาซึ่งที่ดินและใชประโยชนในพื้นที่ดวย

                            5.3)   กรณีการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ พื้นที่ใดมีขอพิพาทโตแยงสิทธิในที่ดินใหดําเนินการแกไข

               ปญหาจนไดขอยุติ จึงนําขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุตอไป

                        2.  ขอเสนอแนะระยะยาว มีดังตอไปนี้
                            1.  รัฐควรปรับปรุงแกไขระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ดังตอไปนี้

                            1.1)   ตามมาตรา 4 แหงพระบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ใหคํานิยามที่ราชพัสดุไววา

               “อสังหาริมทรัพยอันเปนทรัพยสินของแผนดินทุกชนิด เวนแตสาธารณสมบัติของแผนดิน (1) ที่ดินรกรางวางเปลา

               และที่ดินซึ่งมีผูเวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเปนของแผนดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน (2) อสังหาริมทรัพย
               สําหรับพลเมืองใชหรือสงวนไวเพื่อประโยชนของพลเมืองใชรวมกันเปนตนวา ที่ชายตลิ่ง ทางนํ้า ทางหลวง





                                                                       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข  319
                                                                นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   335   336   337   338   339   340   341   342   343   344   345