Page 236 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 236

234    ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗



                                                  ๑๕๐
                  และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย     กล่าวคือ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ
                  สิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ ๑๗ ข้อย่อย ๑ ได้รับรองว่า “บุคคลจะถูกแทรกแซงความเป็น

                  ส่วนตัว ครอบครัว เคหสถาน หรือการติดต่อสื่อสารโดยพลการหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายมิได้และจะ
                  ถูกลบหลู่เกียรติและชื่อเสียงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมิได้” และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

                  พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง ได้รับรองว่า “สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ
                  ชื่อเสียง ตลอดจนความเป็นอยู่ส่วนตัว ย่อมได้รับการคุ้มครอง”  โดยนัยนี้ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว

                  สามารถจำาแนกได้เป็น ๔ ประเภท คือ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิใน
                  ความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร

                  และสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับการอยู่หรือพักอาศัย
                       อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยมีกฎหมายให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ยัง
                  ไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลเป็นเอกชน ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการ

                  สิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการ
                  ปรับปรุงกฎหมาย และกฎ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนพิจารณาเรื่องดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหา

                  โดยจัดทำาเป็นข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ ต่อไป

                       สำาหรับรายละเอียดเรื่องร้องเรียนว่าด้วยสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวสามารถจำาแนกออกเป็น

                  ๔ ประเภท ตามประเภทของสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว ดังนี้
                        ๑.๑  สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

                             ๑.๑.๑ โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งจัดให้ผู้มีอาการติดเชื้อเอดส์คนหนึ่งที่เข้ามารับการ
                  รักษาการเจ็บป่วยอย่างอื่น และไม่แสดงความประสงค์เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวสำาหรับ

                  ผู้มีอาการติดเชื้อเอดส์ เข้าร่วมการอบรมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทำาให้ผู้อื่นทราบว่าผู้ป่วยนั้นเป็น
                  มีอาการติดเชื้อเอดส์ เห็นได้ว่าข้อมูลที่ว่าผู้มีอาการติดเชื้อเอดส์เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิความเป็น

                  ส่วนตัวในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย การดำาเนินการดังกล่าวของ
                  โรงพยาบาลไม่ใช่การดำาเนินการตามอำานาจหน้าที่โดยองค์กรรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ และไม่ได้

                  สัดส่วนกับวัตถุประสงค์นี้ เป็นการกระทำาที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ป่วยนั้นและขัดต่อสิทธิของ
                                                 ๑๕๑
                  ผู้ป่วยตามคำาประกาศสิทธิของผู้ป่วย   ซึ่งกำาหนดว่าผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับ
                  ตนเองจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัดฯ ๑๕๒




                  ๑๕๐  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งบังคับใช้อยู่ขณะจัดทำารายงานผลการพิจารณาเพื่อ
                       เสนอแนะนโยบายฯ นี้
                  ๑๕๑  คำาประกาศสิทธิของผู้ป่วยออก ข้อ ๗ ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองจากผู้ประกอบ
                       วิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
                       ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน ข้อมูลจากแพทยสภา www.tmc.or.th/privilege.php.
                  ๑๕๒ นนทวัชร์ นวตระกูลพิสุทธิ์, ผศ.ดร., ในสำานักงาน กสม., รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่องปัญหาและ
                       มาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว, มปป., มปท., หน้า ๗๓ - ๗๕.
   231   232   233   234   235   236   237   238   239   240   241