Page 131 - คู่มือการทำความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
P. 131

คู่มือ การทำาความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 129







                            ก.  เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ และ

                            ข.  มีความจำาเป็นต่อสังคมประชาธิปไตยที่จะต้องคุ้มครองสิทธิและชื่อเสียงของบุคคลอื่น
                                หรือคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติ หรือดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม หรือ

                                คุ้มครองด้านสาธารณสุขหรือศีลธรรม
                            คณะกรรมการฯ พิจารณากรณีนี้ตามหลักการทั้งสามข้อ และมีข้อสังเกตว่าสอดคล้องกับ

                     ข้อกำาหนดแรก กล่าวคือ ข้อจำากัดที่รัฐนำามาใช้สอดคล้องกับกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัด

                     กิจกรรมสาธารณะ อย่างไรก็ตาม การกระทำาของรัฐไม่สอดคล้องกับข้อกำาหนดที่สอง กล่าวคือ รัฐไม่
                     สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า เหตุใดข้อจำากัดต่อสิทธิในการชุมนุมโดยสงบของผู้ร้องเป็นสิ่งจำาเป็น เพื่อ
                     คุ้มครองสิทธิและชื่อเสียงของบุคคลอื่น หรือคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติ หรือดูแลให้เกิดความสงบ

                     เรียบร้อยในสังคม หรือคุ้มครองด้านสาธารณสุขหรือศีลธรรม

                            ด้วยเหตุดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิในการชุมนุมโดยสงบ คณะกรรมการจึงขอ
                     ให้รัฐดำาเนินการเยียวยาอย่างเป็นผลให้กับผู้ร้องโดยทันที และให้มีการทบทวนพระราชบัญญัติว่าด้วย

                     การจัดกิจกรรมสาธารณะ และการยื่นคำาร้องขออนุญาต ทั้งนี้เพื่อประกันให้สอดคล้องกับสิทธิในการ
                     ชุมนุมโดยสงบและสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก




                     กรณีต่�งๆ ในประเทศไทย

                            Frontline Defenders เป็นมูลนิธิระหว่างประเทศที่ทำางานเพื่อคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน
                                  ๓๘
                     มีข้อสังเกตดังนี้
                            ชุมชนสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยมีชีวิตชีวาและเข้มแข็ง แม้จะยังมีผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนที่

                            ถูกคุกคาม ถูกทำาร้ายร่างกาย ถูกควบคุมตัวโดยพลการ ถูกฟ้องร้องคดี และถูกสังหารนอก
                            กระบวนการกฎหมาย ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงมากสุด ได้แก่ ผู้ที่ทำางานกับ

                            ผู้อพยพเข้าเมืองโดยเฉพาะตามแนวพรมแดนกับพม่า ผู้ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม
                            และวัฒนธรรม และผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนซึ่งทำางานในพื้นที่ขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนใต้

                            ผู้พิทักษ์สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมมีความเสี่ยงมากสุด โดยเฉพาะผู้ที่ทำางานใน

                            พื้นที่ห่างไกล และมีข้อจำากัดในการเข้าถึงเอ็นจีโอระดับประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งมัก
                            ตั้งอยู่ที่เมืองหลวง  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รวบรวมกรณีการสังหาร

                            นอกกระบวนการกฎหมายต่อผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน ๓๕ กรณีในระหว่างปี ๒๕๔๖-๒๕๕๕ ใน
                            จำานวนนี้เป็นผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนประมาณ ๓๐ คนซึ่งทำางานเกี่ยวข้องกับสิทธิทางเศรษฐกิจ

                            สังคม และวัฒนธรรม และหลายกรณียังไม่มีการสืบสวนสอบสวนอย่างเหมาะสมจากทางการ




                     ๓๘  http://www.frontlinedefenders.org/thailand
   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136