Page 39 - การอนุวัติกฎหมายไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีและเพื่อเตรียมรองรับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ รวมทั้งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย
P. 39
ข้อ ๑๒
ให้รัฐภาคีแต่ละรัฐประกันว่า เจ้าพนักงานผู้มีอำานาจของตน
ดำาเนินการสืบสวนโดยพลัน และโดยปราศจากการลำาเอียง เมื่อใดก็ตาม
ที่มีมูลเหตุอันสมเหตุสมผลที่จะเชื่อได้ว่า ได้มีการกระทำาทรมานเกิดขึ้น
ในอาณาเขตใดที่อยู่ภายใต้เขตอำานาจตน
ข้อ ๑๔
๑. ให้รัฐภาคีแต่ละรัฐประกันในระบบกฎหมายของตนว่า
ผู้ถูกทำาร้ายจากการกระทำาทรมานได้รับการชดใช้ทดแทนและมีสิทธิ
ซึ่งสามารถบังคับคดีที่จะได้รับสินไหมทดแทนที่เป็นธรรมและเพียงพอ
รวมทั้งวิถีทางที่จะได้รับการบำาบัดฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบที่สุดเท่าที่จะ
เป็นไปได้ ในกรณีที่ผู้ถูกทำาร้ายเสียชีวิตอันเป็นผลจากการกระทำาการ
ทรมาน ให้ผู้อยู่ในอุปการะของบุคคลนั้นมีสิทธิที่จะได้รับสินไหมทดแทน
๒. ...................
ข้อ ๑๕
ให้รัฐภาคีแต่ละรัฐประกันว่า จะยกคำาให้การใดที่พิสูจน์
ได้ว่า ได้ให้โดยเป็นผลจากการทรมาน ขึ้นอ้างเป็นหลักฐานในการดำาเนิน
คดีใดมิได้ เว้นแต่จะใช้เป็นหลักฐานผูกมัดบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่า ได้กระทำา
ทรมาน ในฐานะเป็นหลักฐานว่าคำาให้การได้มาโดยวิธีนั้น
ข้อ ๑๖
๑. ให้รัฐภาคีแต่ละรัฐรับที่จะป้องกันมิให้มีการกระทำาอื่น
่
ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือการประติบัติ หรือการลงโทษที่ยำายีศักดิ์ศรี
ที่ไม่ถึงกับเป็นการทรมานตามที่นิยามไว้ในข้อ ๑ เกิดขึ้นในอาณาเขต
ภายใต้เขตอำานาจรัฐของตน เมื่อการกระทำาเช่นว่าได้กระทำาโดย หรือ
ด้วยการยุยง หรือความยินยอม หรือความรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ของ
การอนุวัติกฎหมายไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม 37
หรือที่ย่ำายีศักดิ์ศรี และเพื่อเตรียมรองรับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ
รวมทั้งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย