Page 46 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 46
จากประวัติการประหารชีวิตของต่างประเทศเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการประหารชีวิต
เป็นการลงโทษที่มีความเก่าแก่คู่กับสังคมและมีการลงโทษประหารชีวิตในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
มาเป็นเวลานาน โดยรูปแบบของการประหารชีวิตเริ่มต้นจากการลงโทษต่อเนื้อตัวและทรมาน
ด้วยความโหดร้ายทารุณ เพื่อตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของการลงโทษที่เป็นการแก้แค้นทดแทน
และการข่มขู่ยับยั้งเป็นสำาคัญ โดยวิวัฒนาการการลงโทษประหารชีวิตของต่างประเทศมีลักษณะ
ที่คล้ายคลึงกับประเทศไทยในประเด็นที่ว่าเริ่มต้นด้วยการลงโทษประหารชีวิตที่มีความโหดร้าย
ทารุณ จนกระทั่งมีการพัฒนาเป็นการประหารชีวิตที่มีมนุษยธรรมมากขึ้น ดังนี้
ก�รลงโทษประห�รชีวิตของประเทศไทย
แนวความคิดในการลงโทษประหารชีวิตของประเทศไทยมิได้มีการแบ่งยุคอย่างชัดเจน
เหมือนของชาติตะวันตก แต่สำาหรับประเทศไทยนั้นแนวความคิดเกี่ยวกับการลงโทษประหารชีวิต
ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ซึ่งอาจแบ่งแนวความคิดตามยุคต่าง ได้ ดังนี้
๑) ก�รลงโทษประห�รชีวิตในสมัยกรุงศรีอยุธย�และรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น การลงโทษประหารชีวิต
เป็นโทษที่รุนแรงที่สุด และวิธีการลงโทษนั้นจะมีการดำาเนินการที่รุนแรง ทำาให้ชาวต่างชาติเห็นว่า
เป็นการลงโทษที่มีความโหดร้ายทารุณ และเมื่อพิจารณาความผิดที่กฎหมายในยุคนั้นกำาหนดให้มี
กำาหนดโทษประหารชีวิต จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำาความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ เช่น
- ความผิดฐานกบฏ
- ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
ดังจะเห็นได้จากบทบัญญัติในกฎหมายตราสามดวง ตามพระไอยการกระบดศึก ซึ่งแบ่ง
ความผิดเป็น ๒ ส่วน โดยส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการคิดกบฏทรยศต่อพระมหากษัตริย์ หรือต่อบ้านเมือง
ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับความประพฤติอันสมควรหรือไม่สมควร ในระหว่างการรณรงค์สงคราม เช่น
สู้ศึกจนตัวตายมีบำาเหน็จ หรือหนีศึกจนตัวตาย โดยกำาหนดฐานความผิดไว้ อาทิ
ในตอนต้นของกฎหมายตราสามดวง ตามพระไอยการกระบดศึก มีการบัญญัติถึง
ความผิดที่ต้องลงโทษประหารชีวิตด้วยวิธีทรมานไว้ว่า
“ผู้ใดกบฏประทุษร้ายต่อพระมหากษัตริย์ก็ดี โจรคุมพวกเข้าปล้นตีเมืองเผาจวนก็ดี
ปล้นตีพระนคร เผาพระราชนิเวศน์มณเฑียรสถาน วัง คลัง ฉาง ก็ดี ปล้นอาวาส เผาพระอุโบสถ
และสังฆาราม จับพระสงฆ์สามเณร จับชาวบ้าน ฆ่าโดยทารุณร้ายกาจ หรือฆ่าบิดามารดา อุปัชฌาจารย์
เอาพระพุทธรูป พระธรรม มาทุบตีเหยียบย่ำาก็ดี เอาเด็กทารกไปตัดมือเท้า ตัดคอก็ดี เรียกว่าเป็น
ผู้ร้ายยิ่งกว่าโจรธรรมดา ให้ลงโทษ ๒๑ สถาน”
โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 33