Page 23 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 23

22


       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง
       การจัดทำาตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน


                         นอกจากนั้น ในการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามกระบวนการ UPR คณะมนตรี
                  สิทธิมนุษยชนได้ใช้  “สิทธิที่ได้รับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน”  เป็นฐานในการพิจารณา
                  พันธะหน้าที่ของรัฐ

                         ดังนั้น จึงสรุปว่า กสม. มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการ “ตรวจสอบและรายงานการกระท�าหรือ
                  การละเลยการกระท�า  อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน  หรือไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ”
                  ที่ก่อโดยปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน




                  ๒.๒.๑  การสร้างปทัสถานทางกฎหมายของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

                           โดยกติการะหว่างประเทศ

                           หลังจากที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแล้ว

                  สหประชาชาติได้ขอให้คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Commission on Human Rights)
                  ให้ความสำาคัญในการผลักดันเพื่อยกร่างสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
                  รวมทั้งขยายความและพัฒนารายละเอียดของเนื้อหาในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
                  ที่รับรองเป็นหลักการกว้างๆ ดังได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า ความตึงเครียดในช่วงการจัดทำาปฏิญญาสากล

                  ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเนื่องจากความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมือง นำามาสู่การเข้าใจเรื่อง
                  สิทธิมนุษยชนที่แตกต่างกัน  ข้อโต้แย้งสำาคัญในขณะนั้น คือ ธรรมชาติของสิทธิทั้งสองกลุ่มมีความ
                  แตกต่างกัน โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติตาม (The mean of implementation) ขณะที่สิทธิทางพลเมือง

                  และสิทธิทางการเมืองสามารถให้การประกันสิทธิได้ในทันที แต่สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
                  ต้องใช้เงินและทรัพยากรอื่นๆ จึงจะสามารถปฏิบัติให้สิทธิเป็นจริงขึ้นมาได้  และต้องดำาเนินการ

                  อย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่ในทันทีทันใด แม้ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ The General Assembly)
                  จะพยายามยืนกรานการไม่แบ่งแยกสิทธิมนุษยชน แต่ก็ไม่ประสบความสำาเร็จ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่
                  แห่งสหประชาชาติในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๕๒ (พ.ศ. ๒๔๙๕) ได้มีมติให้ร่างกฎหมายโดยแบ่งแยก

                  สิทธิออกเป็นสองส่วน ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ
                  สิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) และกติกา

                  ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on
                  Economic, Social and Cultural Rights : ICESCR)  ๒๒




                  ๒.๒.๒  พันธะหน้าที่ของรัฐในด้านสิทธิมนุษยชน

                           กฎหมายระหว่างประเทศก่อพันธะหน้าที่ต่อรัฐ  ประเด็นที่ควรจะต้องพิจารณาในเบื้องต้น
                  คือ พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนมีอย่างไร  กล่าวอีกนัยหนึ่ง รัฐมีภาระหรือหน้าที่อย่างไร เพื่อการ

                  ปฏิบัติให้เป็นไปตามพันธกรณีที่ก่อขึ้นโดยกฎหมายระหว่างประเทศ  ดังนั้น ในส่วนนี้ ผู้ศึกษาจะศึกษา



                  ๒๒   ศรีรักษ์ ผลิพัฒน์ “สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม” ใน สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เอกสารการสอน

                     ชุดวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชน” พิมพ์ครั้งที่ ๓ (นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช), หน้า ๓๑๒-๓๑๓
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28