Page 366 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 366

ประมวลกฎหมายที่ดิน และสุดท้ายในปี 2506  ได้มีการออกพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง
                                                                                         ั
                       กรม หมดอํานาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง การมีกฎหมายมาระยะหลังนี้ได้ทําเกิดปญหาไม่สอดคล้องกัน
                            ั
                       และปญหาในทางปฏิบัติหลายอย่างหลายประการด้วยกัน
                              ในปี 2518  สภานิติบัญญัติแห่งชาตินํา “ร่างพระราชบัญญัติในชื่อ “ร่างพระราชบัญญัติจัด
                       ระเบียบที่ราชพัสดุ พ.ศ. 25......” เข้าสู่การพิจารณา นายทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา สมาชิกสภานิติ
                       บัญญัติ เสนอความเห็นต่อที่ประชุมว่า “ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ไม่สมควรรับหลักการ เพราะว่า
                                                                                                ่
                       หลักการบอกว่าให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบ การจัดระเบียบนั้นเป็นอํานาจของฝายบริหารที่
                                                                                                 ่
                       จะต้องจัดให้เหมาะสมกับกาลสมัยและเหตุการณ์ต่าง ๆ ควรจะเป็นระเบียบภายในของฝายบริหาร
                       มากกว่า ในทางกฎหมายนั้นได้มีกฎหมายคุ้มครองที่ราชพัสดุอยู่แล้วหลายฉบับครบถ้วน โดยเฉพาะ

                       ในมาตรา 4 ซึ่งบอกว่าที่ราชพัสดุหมายความว่า อสังหาริมทรัพย์ อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด
                       ก็จะได้ว่าล้อข้อความมาจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (3) คือยกเว้นอนุมาตรา
                       (1) (2) แต่ว่าในมาตรา 4  นี้เองก็มีข้อความคลุมเครือที่ว่า ที่ราชพัสดุ หมายถึง อสังหาริมทรัพย์ทุก
                                                                                                  ั
                       ชนิด” ดังนั้น จึงมีการแก้ไขชื่อเป็น “พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ........” ดังปรากฏในปจจุบัน ซึ่ง
                       พระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92 ตอนที่ 54 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2518
                              ในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้นิยามความหมายของคําว่าที่ราชพัสดุ

                       ไว้ว่า  หมายถึง อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด เว้นแต่สาธารณสมบัติของ
                       แผ่นดิน ดังต่อไปนี้
                              (1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้ง หรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดย

                       ประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
                              (2) อสังหาริมทรัพย์สําหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า
                       ที่ชายตลิ่งทางนํ้า ทางหลวง ทะเลสาบ

                              ส่วนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล และขององค์การปกครองท้องถิ่นไม่ถือว่า
                       เป็นที่ราชพัสดุ  อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิดอันเป็นที่ราชพัสดุ ที่กระทรวง
                       ทบวง กรม ได้มาโดยประกาศสงวนไว้ใช้ในราชการ หรือตกเป็นของรัฐบาลเนื่องจากค้างชําระภาษีอากรหรือ

                       รัฐบาลจัดซื้อด้วยเงินงบประมาณ หรือโบราณสถาน กําแพงเมือง คูเมือง หรือโดยคําพิพากษาของศาล
                       หรือที่ดินเหลือเศษจากการเวนคืนซึ่งรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชย หรือโดยคําสั่งนายกรัฐมนตรีตาม
                       ธรรมนูญการปกครอง  หรือเอกชนบริจาคให้ทางราชการ หรือโดยเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดิน

                       รกร้างว่างเปล่า หรือโดยประการอื่น ๆ กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามมาตรา 5  ของ
                       พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518  ยกเว้นเฉพาะที่ดินที่ได้มาโดยการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วย

                       การปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม
                              วัตถุประสงค์ที่ราชพัสดุมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในทางราชการ  แต่ถ้าที่ราชพัสดุแปลงใดไม่ได้ใช้
                       ประโยชน์ในทางราชการ  หรือไม่ได้สงวนไว้ เพื่อประโยชน์ในราชการกรมธนารักษ์จะนํามาจัดหา
                       ประโยชน์ โดยการจัดให้เช่าหรือโดยวิธีการจัดทําสัญญาต่างตอบแทนอื่น นอกเหนือจากการจัดให้เช่า

                       ก็ได้   สําหรับการจัดหาประโยชน์ในลักษณะใดขึ้นอยู่กับสภาพทําเลของที่ราชพัสดุ โดยคํานึงถึง
                       ประโยชน์สูงสุดทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสําคัญ



                                                                                                       7‐4
   361   362   363   364   365   366   367   368   369   370   371