Page 365 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 365

กระทรวงการคลังทั้งสิ้น” และหากเป็นที่ดินราชพัสดุต้องสํารวจส่งขึ้นทะเบียนที่กระทรวงการคลัง และ
                       ยังได้กําหนดให้มีกองรักษาที่หลวงเป็นเจ้าหน้าที่รักษาระเบียบกลาง ปกครองจัดประโยชน์ใน
                       ส่วนกลาง แต่ในส่วนภูมิภาคกําหนดให้เป็นหน้าที่ของสรรพากรจังหวัดดําเนินการภายในเขตจังหวัด

                       ในเขตอําเภอให้คณะกรรมการอําเภอโดยการอนุมัติของคณะกรรมการจังหวัด เป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง
                       และจัดการผลประโยชน์ แต่ระเบียบกระทรวงการคลังดังกล่าว ก็ไม่สามารถนําไปสู่การปฏิบัติได้
                       เนื่องจากหน่วยงานราชการอื่น ๆ โต้แย้งว่า การที่กรมธนารักษ์อ้างอํานาจตามกฎหมายและระเบียบ

                       กระทรวงการคลัง ที่ 8782/2485 เรื่อง การปกครองและจัดประโยชน์ที่ดินสิ่งปลูกสร้างราชพัสดุ พุทธศักราช
                       2485 ให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ นําที่ดินมาขึ้นทะเบียนนั้น กรมธนารักษ์ไม่มีอํานาจ เพราะพระ
                       บรมราชโองการฯ มิใช่กฎหมายเป็นคําสั่งภายในที่ใช้บังคับเฉพาะในกระทรวงการคลัง และในส่วน

                       ระเบียบนั้น เป็นระเบียบของกระทรวงการคลังเท่านั้น จะใช้บังคับแก่กระทรวงอื่น ๆ มิได้
                                                              ั
                              ในระหว่างปี 2511  -  2512  จากปญหาการโต้แย้งในเรื่องอํานาจเกี่ยวกับที่ราชพัสดุของ
                       กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง จึงทําให้กรมธนารักษ์มอบหมายให้กองรักษาที่หลวงดําเนินการยกร่าง

                       พระราชบัญญัติที่ดินราชพัสดุ
                              ในปี 2512  มีคําพิพากษาศาลฎีกา ที่ 1428  - 1429/2512  ลงวันที่ 21  ตุลาคม 2512  วินิจฉัยว่า
                       พระบรมราชโองการในสมัยนั้นย่อมถือเป็นกฎหมายให้อํานาจกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบดูแล
                                                ้
                       รักษา และดําเนินการคุ้มครองปองกันที่ราชพัสดุ”
                              วันที่ 28  ธันวาคม 2514  สภาบริหารคณะปฏิวัติ มีมติที่ประชุมว่า กระทรวงการคลังไม่มีอํานาจ
                       หน้าที่ในที่ราชพัสดุในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน นอกจากจะเป็นที่ของส่วนราชการสังกัด

                       กระทรวงการคลังเท่านั้น
                              ต่อมาในปี 2517  ได้มีความพยายามที่จะขอแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยการขอโอนงานของ
                       กองรักษาที่หลวงไปอยู่ในสังกัดของกรมอื่น จึงทําให้กรมธนารักษ์ต้องเร่งดําเนินการยก “ร่างพระราชบัญญัติ ใน

                       ชื่อ “ร่างพระราชบัญญัติจัดเรียบที่ราชพัสดุ พ.ศ. .....” เสนอคณะรัฐมนตรี และส่งให้สภานิติบัญญัติ
                       แห่งชาติพิจารณาโดยมีคําชี้แจงเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ พร้อมกับเหตุผล
                       สําคัญดังต่อไปนี้

                              1. วัตถุประสงค์การมีที่ราชพัสดุ คือ เพื่อใช้ราชการส่วนที่เหลือใช้หรือมิได้ใช้ให้กระทรวงการคลัง
                       จัดหาผลประโยชน์นํารายได้เข้างบประมาณแผ่นดิน ส่วนการบริหารงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                       รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระบรมราชาอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้รวบรวมที่ราชพัสดุไว้ ทั้งนี้เพราะที่ราช

                       พัสดุเป็นทรัพย์คงพระคลังอย่างหนึ่ง และให้กระทรวงการคลังจัดการให้ กระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ
                       ให้ราชการเพื่อเป็นการทุ่นพระราชทรัพย์ เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
                                          ั
                              2. เนื่องจากปจจุบันนี้ไม่มีกฎหมายว่าด้วยการปกครองดูแลรักษาที่ราชพัสดุให้เป็นไปโดยมี
                                                              ั
                       ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ทําให้เกิดปญหายุ่งยากในทางปฏิบัติหลายประการ สมควรให้มี
                       กฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบที่ราชพัสดุขึ้นโดยเฉพาะ โดยให้กระทรวงการคลังมีอํานาจหน้าที่
                                                            ั
                       เกี่ยวกับการนี้ เพื่อเป็นการประหยัดและขจัดปญหางานซํ้าและซ้อนกัน
                              3. การปกครองดูแลที่ราชพัสดุนี้ตั้งแต่ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6  เป็นต้นมา ได้เป็นหน้าที่ของ
                       กระทรวงการคลังที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ต่อภายหลังได้มีการออกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์



                                                                                                       7‐3
   360   361   362   363   364   365   366   367   368   369   370