Page 426 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 426

348


                   ในการท ารายงานฉบับนี้คณะท างานจะสามารถท าเป็นข้อเสนอ เพื่อที่จะแจ้งหน่วยงานในการที่จะจัดท า
                   ฐานข้อมูล เพื่อที่ว่าในคราวต่อไปจะท ารายงานอีกจะได้มีข้อมูลอยู่

                         ในการท ารายงานนี้จะมีส่วนที่เป็นข้อเสนอแนะต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างเครือข่ายคนพิการ
                   เครือข่ายต่างๆ ที่จะน าไปขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นด้านของนโยบาย การปฏิบัติ หรือนิติบัญญัติ จากรายงานนี้
                   จะมองออกและน าไปสู่ข้อเสนอแนะเหล่านี้ได้แค่ไหน


                         คุณนรีลักษณ์ แพไชยภูมิ (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ)
                         ข้อเสนอประการแรกเรื่องถ้อยค า เสนอให้ทางที่ปรึกษาไปดูจากตัวบทที่กระทรวงการต่างประเทศได้
                   แปล ใช้ให้เหมือนกันจะได้มีความสอดคล้องกับสนธิสัญญาที่มีการแปลไว้ อย่างเช่น สิทธิทางมโนธรรม สิทธิ

                   ที่ได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ไม่แพง นั้นไม่มีในตัวบทของกระทรวงการต่างประเทศ
                         ประการที่สอง ตัวชี้วัดที่ก าหนดเรื่องของปริมาณต่างๆ เห็นด้วยที่บางเรื่องไม่ต้องก าหนดไว้ อย่างเช่น
                   ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมมีการก าหนดถึงจ านวนคดี หน้า 127  ก าหนดตัวชี้วัดผลที่มีจ านวนคดีที่
                   สื่อมวลชนมีการรายงานในการแถลงข่าวว่าบุคคลนั้นได้กระท าความผิด หรือจ านวนคดีที่สื่อมวลชนรายงาน
                   ว่าผู้ต้องหาถูกท าร้ายในตอนท าแผนประกอบอาชญากรรม สองตัวนี้น ามาเป็นตัวชี้วัดล าบากในเรื่องของการ

                   ด าเนินการด้านสิทธิมนุษยชน และล าบากกับ กสม. ที่ต้องเก็บข้อมูลตรงนี้มาก ตัวชี้วัดด้านปริมาณไม่
                   สามารถวัดประสิทธิภาพของการท างานได้จริง อยากให้พิจารณา


                         อาจารย์ สรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์
                         จริงๆ แล้ว ข้อมูล กสม. ไม่ได้จัดท า แต่เป็นผู้รวบรวม รัฐจะเป็นผู้หาข้อมูลและรายงานว่าเป็น
                   พันธกรณีที่รัฐจะต้องท ารายงาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องค านึงถึงว่าข้อมูลหายากหรือหาง่าย เพราะว่า กสม.
                   ไม่ได้เป็นผู้หา เพื่อให้เข้าใจความรับผิดชอบของรัฐเป็นผู้หาข้อมูลและรายงาน

                         ข้อเท็จจริงจ าเป็นต้องหามาสามส่วน คือ มีระบบจดทะเบียนการให้บริการทุกกรณี จะได้ตัวเลข
                   แน่นอน ถ้าเป็นจ านวนคดี ให้ไปดูคดีด าที่สถานีต ารวจ ไปร้องทุกข์ ไปแจ้งความ มีสถาบันหรือองค์กรที่ไป
                   รวบรวมการร้องทุกข์ว่ามีกี่กรณี มีท าเป็นคดีด าคือรับท าเป็นคดีกี่คดี ซึ่งโยงไปถึงเรื่องการใช้ความรุนแรงใน
                   ครอบครัว กรณีผู้หญิงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ต ารวจถูกสามีซ้อมไม่มีการบันทึกเป็นคดี ตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐควร

                   ปรับปรุงแก้ไข กฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัว ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปลงโทษผู้กระท า
                   ความผิด แต่ต้องการแก้ปัญหาครอบครัว แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ต ารวจโดยภารกิจเป็นภารกิจปราบปราม
                   อย่างเดียว ภาระในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในครอบครัวไม่ได้ต้องแก้เอง แต่มีส่วนร่วมในการ
                   เปิดประตูให้คนอื่นเข้าไปแก้ ต ารวจไม่ท าเพราะว่าไม่สามารถไปประเมินความดีความชอบการท าคดีการใช้

                   ความรุนแรงในครอบครัว ถ้าส าเร็จส่วนใหญ่จะต้องไม่ท าเป็นส านวนคดีไปถึงอัยการ แต่การประเมิน
                   พนักงานสอบสวนขณะนี้ก็ยังใช้วิธีเดิมไปประเมินจ านวนคดีที่ท าส านวนถึงอัยการ
                         อีกกรณีที่รัฐจะต้องท าคือในตัวเลขทั้งหมดต้องท าวิจัย  อย่างรัฐบาลของสหราชอาณาจักรท าวิจัยเด็ก

                   ที่ต้องการการบริการจากรัฐมีจ านวนเท่าไหร่ เด็กที่อยู่ในภาวะเสี่ยงในการรับอันตรายมีอยู่เท่าไหร่ ต้องท า
                   วิจัยมาประกอบกับระบบการขึ้นทะเบียน รวมทั้งระบบ monitor  คือมีพยาบาลเยี่ยมบ้าน ท าให้ได้
                   ฐานข้อมูล

                         ศาสตราจารย์ ดร. อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

                         เห็นว่าข้อมูลจะมี 3 ระดับ คือ

                   รายงานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 3
   421   422   423   424   425   426   427   428   429   430   431