Page 42 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 42

30


                       คณะผู้ศึกษาได้แบ่งแหล่งที่มาของพันธกรณีที่พัฒนามาจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
               สองล าดับ คือ แหล่งที่มาหลัก และแหล่งที่มารอง และเนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่มีผล

               ท าให้ความเห็นด้านสิทธิมนุษยชนแตกต่างกันนับตั้งแต่การจัดท าร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ต่อมา
               เมื่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแล้วจึงได้มีการจัดท าสนธิสัญญา
               สิทธิมนุษยชนส าคัญสองฉบับเพื่อลดความกดดันทางการเมืองคือ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง
               และสิทธิทางการเมือง (International  Covenant  on  Civil  and  Political  Rights:  ICCPR  ) และกติกา

               ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic,
               Social and Cultural Rights: ICESCR)  ตราสารทั้งสองฉบับได้รับการยอมรับว่าเป็น ตราสารสิทธิมนุษยชน
               ระหว่างประเทศ ในการก าหนดพันธกรณีหลัก คณะผู้ศึกษาจึงใช้ข้อบทของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
               ประกอบกับข้อบทตามกติการะหว่างประเทศสองฉบับนี้เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการก าหนดพันธกรณีของ

               ประเทศไทยในการพิจารณาพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

                       ส่วนที่มาล าดับรอง คณะผู้ศึกษาจะพิจารณาจากมาตรฐานระหว่างประเทศที่พัฒนาขึ้นโดยสมัชชา
               ใหญ่สหประชาชาติ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมการประจ า

               สนธิสัญญา (Treaty  Bodies)  เช่น ข้อมติ (Resolutions) ข้อคิดเห็นร่วมอันส าคัญ (General  Comments)
               และค าวินิจฉัย (Decisions) เป็นต้น


                        3.1.1 ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

                              ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights: UDHR)
               เป็นตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศฉบับแรกที่ได้ประกาศหลักการส าคัญว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของมนุษย์
               ในการเคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้สมกับคุณค่าและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของทุกคน ปฏิญญาสากล

               ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจัดท าขึ้นโดยคณะกรรมการร่างซึ่งเป็นตัวแทนของภูมิภาคต่างๆ ที่มีระบบกฎหมาย
               ศาสนา และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยมีนางเอลลีเนอร์ รูสเวลท์ เป็นประธานคณะกรรมการร่างปฏิญญาสากล
               สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้รับรองปฏิญญาโดยมติเอกฉันท์ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491)


                              ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสามารถแบ่งได้เป็นสี่ส่วนคือ
                                ส่วนแรก (ข้อ 1 และข้อ 2)  บัญญัติถึงหลักการทั่วไปและแนวคิดทางสิทธิมนุษยชน เช่น

                                สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิที่ไม่อาจพรากจากมนุษย์ได้ หลักความเท่าเทียม และหลักภราดรภาพ
                                ส่วนที่สอง (ข้อ 3 ถึงข้อ 21)  เป็นการรับรองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Civil
                                and Political Rights)

                                ส่วนที่สาม (ข้อ 22 ถึงข้อ 28)   รับรองสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
                                (Economic, Social and Cultural Rights)

                                ส่วนที่สี่ (ข้อ 29 และข้อ 30)  บัญญัติหน้าที่ของบุคคลต่อสังคม การจ ากัดสิทธิเสรีภาพ
                                ของบุคคล และการตีความสิทธิตามปฏิญญานั้นจะต้องไม่เป็นการบั่นทอนสิทธินั้นๆ

                              คุณค่าทางกฎหมายที่ส าคัญที่สุดของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คือ การเป็นตราสาร

               อ้างอิงหลักการและเนื้อหาสิทธิมนุษยชนที่รัฐต่างๆ ได้ปวารณาตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติที่จะส่งเสริม
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47