Page 17 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 17

5


                                                                                            9
               ประเภท โดยเฉพาะสิทธิด้านเศรษฐกิจและสังคมยังมีลักษณะเป็นสัมพัทธภาพ (Relativity)  ซึ่งการปรับใช้
               เกณฑ์มาตรฐานระหว่างประเทศจะขึ้นอยู่กับสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละ

               ประเทศ เช่น ค าว่า “สิทธิในความมั่นคงของบุคคล (the right to personal security)” (ปฏิญญาสากลว่า
               ด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 3) หรือ “สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพและความอยู่ดีของตนเองและครอบครัว
               (the right to standard of living and well-being)”

                                                                                                        10
                               อนึ่ง “สิทธิมนุษยชน” เป็นค าที่มีความหมายที่กว้าง และยังไม่มีค านิยามที่ชัดเจนเด็ดขาด
               ดังเช่นในความหมายของกฎหมายภายในของประเทศไทย พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
               แห่งชาติ พ.ศ. 2542  มาตรา 3  ได้นิยามความหมายของค าว่า “สิทธิมนุษยชน” เพื่อประโยชน์ในการ
               ด าเนินงานของคณะกรรมการฯ ไว้ว่า


                              “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตาม
               รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือตามกฎหมายไทย หรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้อง
               ปฏิบัติตาม”


                              ค านิยามนี้มีความคลุมเครือทั้งในด้านเนื้อหาของสิทธิ เช่น  “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ
               เสรีภาพ และความเสมอภาค คืออะไร มีเนื้อหา และสาระอย่างไร” และในด้านพันธะหน้าที่ของรัฐว่า

               “สนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม” นั้นมีความหมายเพียงใด จะมีความหมายเฉพาะ
               “สนธิสัญญา” หรือ “พันธกรณีอื่นภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ” เช่น สิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลว่า
               ด้วยสิทธิมนุษยชน ด้วยหรือไม่

                              ลักษณะดังกล่าวส่งผลต่อการจัดท ารายงานของรัฐต่างๆ มาก ในการจัดท ารายงานการปฏิบัติ

               ตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในระยะเริ่มแรกรัฐภาคีมักรายงานข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์
               หรือให้ข้อมูลที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับพันธะหน้าที่ของรัฐ หรือเสนอตัวชี้วัดเชิงสถิติที่ไม่สามารถน าไปสู่การสรุป
                                                   11
               การปฏิบัติตามพันธะหน้าที่สิทธิมนุษยชนได้  ปัญหาดังกล่าวน ามาสู่การให้ความสนใจในการใช้ข้อมูลทางสถิติ
               และตัวชี้วัดเพื่อประโยชน์ในการประเมิน และติดตามตรวจสอบการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยคณะกรรมการ
               ประจ าสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนได้เสนอให้ศูนย์สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Centre
               for Human Rights) ได้ช่วยเหลืออ านวยการในการพัฒนาตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนขึ้น







               9
                   เช่น กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม  ข้อ 2 ได้ก าหนดพันธะหน้าที่ของรัฐว่ารัฐจัก
                  ต้อง “ด าเนินการโดยเอกเทศและโดยความร่วมมือและความช่วยเหลือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเศรษฐกิจ
                  และวิชาการ โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการท าให้สิทธิซึ่งรับรองไว้ในกติกานี้กลายเป็น
                  ความจริงอย่างบริบูรณ์โดยล าดับด้วยวิธีทั้งปวงที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรวมทั้งการก าหนดมาตรการทางกฎหมายด้วย”
               10                                                                                th
                   Burn Weston, “Definition of Human Rights”, in New Encyclopedia Britanica, Vol. 20 (15  Edition),
                  (London: Britanica Inc, 1992),  pp. 658.
               11
                   Office of the High Commissioner for Human Rights, “Report on indicators for monitoring compliance
                  with international human rights instruments”, (UN Doc. HRI/MC/2006/7, 11 May 2006).
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22