Page 19 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยสาเหตุการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
P. 19
8
ความแตกต่างระหว่าง Crime Control Model กับ Due Process Model
จึงอยู่ที่วิธีปฏิบัติ การทีให้น้ าหนักกับทฤษฎี Crime Control Model มากเกินไปอาจส่งผลให้สังคม
ยอมรับการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐได้ เช่น การล่อลวง ข่มขู่ การจับ การค้น
ที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งอาจส่งผลให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกล่วงละเมิดได้โดยง่าย
ในปัจจุบันนี้ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีประเทศใดใช้ทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งโดยเคร่งครัด
แต่จะเป็นการผสมทฤษฎีทั้งสอง อย่างไรก็ตาม การใช้ทฤษฎี Due Process Model เป็นหลักการ
ในอุดมคติที่นักนิติศาสตร์แสวงหา เช่น ระบบความยุติธรรมทางอาญาของสหรัฐอเมริกา อาจกล่าว
ได้ว่ามีหลักการที่ใกล้เคียงกับทฤษฎี Due Process Model มากกว่าระบบของประเทศอื่น ตามกฎหมาย
รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา วิธีการด าเนินคดีต่อผู้ต้องหาจะต้องใช้หลักของความเป็นธรรมและ
วิธีพิจารณาความตามกฎหมาย จะต้องให้ความคุ้มครองบุคคลตามมาตราฐานขั้นต่ า ภายใต้
หลักแห่งเสรีภาพ (Liberty)
ด้วยความเชื่อดังกล่าว ทฤษฎีนี้จึงยึดหลักนิติธรรมทั้งหลาย เช่น การจับกุม
คุทขัง ตรวจค้น จะต้องท าอย่างมีระบบ และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จะต้องถือว่าบุคคล
ผู้ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้บริสุทธ์อยู่ตลอดเวลา จนกว่าผู้ที่มีอ านาจตามกฎหมายที่เป็นกลางได้พิจารณา
พิพากษาชี้ขาดแล้วว่าเขาเป็นผู้กระท าความผิด ในแง่ของการสืบสวน ทฤษฎีกระบวนการ นิติธรรม
จะให้ความส าคัญกับสิทธิส่วนตัวของบุคคล ( Privacy Right) การไม่ยอมรับฟังพยานหลักฐานที่
ได้มาโดยมิชอบ ( Exclusionary Rule) รวมทั้งการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบก่อนว่าตนมีสิทธิ
อย่างไรด้วย (ประธาน วัฒนวาณิชย์, “ระบบความยุติธรรมทางอาญา :แนวความคิดเกี่ยวกับการ
ควบคุมอาชญากรรมและกระบวนการนิติธรรม”, วารสารนิติศาสตร์ ฉบับที่ 2 ปีที่ 9 (ก.ย. - พ.ย.
2520), หน้า 152)
เนื่องจาก การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนที่เกี่ยวกับคดีอาญา โดยความ
เป็นจริงแล้ว ได้ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนบ้างไม่มากก็น้อย
การจับ การค้น การควบคุม ฯลฯ ประเทศเสรีประชาธิปไตยทั้งหลายได้ให้ความส าคัญกับเรื่อง
เหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่ามีการพัฒนาในเรื่องของการใช้หลักนิติ
ธรรมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และแนวความคิดเรื่องนี้มีอิทธิพลต่อหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้ง
ประเทศไทยด้วย ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องความเป็นธรรมทางอาญาผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐอเมริกา
(U.S. Supreme Court) ได้วางหลักการในเรื่องนี้ไว้มากมาย พอสรุปได้ดังนี้ ( เรื่องเดียวกัน, หน้า
145-155)