Page 34 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน ฉบับสมบูรณ์
P. 34
แต่งงำนแล้ว โดยไม่ได้ให้ควำมส ำคัญกับวัยรุ่นหรือเยำวชนชำย/หญิงซึ่งมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน” (Population
and Development Review, No. 8/2008, p.22) นั่นหมำยถึงสำเหตุที่ท ำให้มีอัตรำกำรท ำแท้งในหมู่วัยรุ่น
และเยำวชนหญิงสูงเนื่องจำกกำรขำดกำรบรรลุสิทธิในกำรดูแลและป้ องกันสุขภำพ (Right to Health Care
and Health Protection) ด้ำนกำรเข้ำถึงกำรวำงแผนครอบครัว ซึ่งเป็นสิทธิที่บริกำรของรัฐควรจัดให้อย่ำง
ทั่วถึง เพื่อให้ผู้หญิงเข้ำถึงควำมรู้ ข้อมูลข่ำวสำร (Right to Information and Education) ที่ถูกต้องของวิธี
และกำรบริกำรด้ำนกำรคุมก ำเนิด ซึ่งถึงแม้จะมีทำงเลือกให้กับเยำวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมสำมำรถยุติ
กำรตั้งครรภ์ด้วยกำรท ำแท้งได้ก็ตำม แต่หำกเยำวชนหญิงสำมำรถเข้ำถึงข้อมูล ควำมรู้เรื่องวิธีกำร
คุมก ำเนิดที่ถูกต้องและบริกำรด้ำนกำรคุมก ำเนิด กำรมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและป้ องกัน จะท ำให้พวก
เธอมีทำงออก/ทำงเลือกมำกขึ้น จะเห็นได้ว่ำ มีควำมไม่เท่ำเทียมกันในกำรเข้ำถึงสิทธิด้ำนกำรดูแลและ
ป้ องกันสุขภำพของประชำชน ซึ่งลดหลั่นไปตำมวัยและเพศ
ขณะเดียวกัน ด้ำนสังคมและวัฒนธรรมพบว่ำ อิทธิพลควำมคิดควำมเชื่อตำมของลัทธิขงจื้อได้เข้ำ
มำมีบทบำทต่อกฎหมำย กำรให้ควำมคุ้มครองผู้หญิงและเด็ก เพรำะมองว่ำเป็นกลุ่มที่มีควำมเปรำะบำงจึง
ต้องได้รับกำรปกป้ องคุ้มครอง ไม่ได้เป็นกำรดูแลเพื่อปกป้ องคุ้มครองสิทธิในฐำนะที่เป็นประชำกรในสังคม
ในระดับที่เท่ำเทียมกันกับผู้ชำย ทั้งนี้เพรำะสังคมและวัฒนธรรมของประเทศเวียดนำมได้ก ำหนดบทบำท
หน้ำที่กำรเลี้ยงดูบิดำมำรดำให้เป็นของลูกชำยโดยเฉพำะลูกชำยคนโต ในสังคมที่ได้รับอิทธิพลลัทธิขงจื๊อ
นั้นจะให้ควำมส ำคัญกับกำรมีลูกชำยสูงมำก เพรำะหวังพึ่งให้ลูกชำยเป็นผู้เลี้ยงดูยำมแก่เฒ่ำ ซึ่งเป็นวิถี
ปฏิบัติที่เป็นกลไกกำรสร้ำงควำมมั่นคงในยำมสูงอำยุในสังคมที่รัฐไม่มีบทบำท หรือมีบทบำทไม่มำกนักใน
กำรดูแลรับผิดชอบกำรดูแลผู้สูงอำยุ และจะเป็นผู้สืบทอดเชื้อสำยของตระกูล ตลอดจนเป็นผู้น ำกำร
ประกอบพิธีกรรมต่ำง ๆ ของครอบครัว นอกจำกนี้ สังคมที่สืบเชื้อสำยทำงพ่อ (Patrilineal) ต้องกำรมีลูก
ชำยไว้สืบสกุล กำรไม่มีลูกชำยสืบตระกูลเสมือนเป็นกำรไม่สำมำรถท ำหน้ำที่แก่วงศ์ตระกูลได้อย่ำง
สมบูรณ์ครบถ้วน และเป็นกำรสิ้นสุดวงศ์ตระกูลโดยปริยำย ส่วนลูกสำวนั้นเมื่อแต่งงำนแล้วก็จะถือว่ำ เป็น
คนของครอบครัวสำมี ต้องตัดขำดจำกครอบครัวเดิมของตน (กำญจนำ ตั้งชลทิพย์, ๒๕๕๑)
กล่ำวโดยภำพรวม บทบัญญัติในกฎหมำยได้สะท้อนแนวควำมคิดควำมเชื่อดังกล่ำว ดังจะเห็นได้
จำกกฎหมำย Law on Child Protection, Care and Education ซึ่งโครงสร้ำงครอบครัวในอุดมคติจะ
ประกอบด้วยคนในหลำยรุ่นอำศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน โดยสมำชิกในครอบครัวแต่ละคนในครอบครัวจะ
มีระดับควำมส ำคัญไปตำมอำยุและเพศ พ่อแม่ ผู้ปกครองจะมีอ ำนำจเบ็ดเสร็จเหนือบุตร (Zhang, H.X., &
Locke, C. 2002) กำรบัญญัติเรื่องหน้ำที่ของเด็ก โดยระบุให้เด็กต้องรัก เคำรพ และเชื่อฟังผู้ใหญ่ อำจ
ส่งผลต่อเรื่องกำรเข้ำถึงสิทธิของเด็กที่อำจจะไม่ได้รับกำรเคำรพหรือคุ้มครองจำกกฎหมำยอย่ำงเต็มที่
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเด็กผู้หญิง ตำมแนวควำมคิดควำมเชื่อลัทธิขงจื๊อ ซึ่งเน้นควำมกตัญญูเป็นส ำคัญ
โดยเฉพำะต่อบุพกำรีผู้ให้ก ำเนิด และต่อบรรพบุรุษ กำรย้อนแย้งของกฎหมำย และบริบททำงสังคมและ
๓๓