Page 134 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 134
117
หมู่บ้านยังมีบทบาทต่อการกระตุ้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายเสียง
ภายในหมู่บ้านโดยให้ชาวบ้านช่วยกันรักษาความสะอาด ทิ้งหรือจัดการขยะให้ถูกสุขลักษณะ
(2) กลุ่มหน่วยงานราชการในพื นที่ หน่วยงานซึ่งมีบทบาทหลักคือองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนต้าบล (อบต.) โดยผู้เข้าร่วมการสนทนากลุ่ม ได้แก่ ประธานสภา
องค์การบริหารส่วนต้าบลนางแดด สมาชิกองค์การบริหารส่วนต้าบลนางแดด และผู้อ้านวยการฝ่าย
โยธา องค์การบริหารส่วนต้าบลนางแดด สรุปประเด็นส้าคัญดังนี้
การใช้ประโยชน์จากแหล่งน า ผู้น้าองค์กรปกครองส่วนถิ่นเห็นว่าชุมชนต้าบลนางแดดซึ่ง
เป็นชุมชนต้นน้้า อยู่กับต้นน้้าชีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวพื้นที่ต้นน้้าโดยมีเจ้า
พ่ออกขนคุ้มครองอยู่ในบริเวณพื้นที่ต้นน้้า เป็นที่เคารพที่ชาวชุมชนต้องให้ความส้าคัญในการประกอบ
พิธีกรรมทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งแสดงถึงความผูกพันต่อพื้นที่ต้นน้้า ชาวชุมชนต้าบลนาง
แดดได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งต้นน้้าเฉพาะในช่วงฤดูน้้าหลาก หลักคือใช้ในการท้าการเกษตร เช่น การ
ปลูกมะม่วง และท้าการเกษตรในพื้นที่ แต่ในช่วงฤดูแล้งจะไม่มีน้้าใช้ และนับว่าเป็นการใช้ประโยชน์
น้อยมากเมื่อเทียบกับการเป็นชุมชนต้นน้้า เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีระบบชลประทานที่จะกักเก็บน้้าไว้ใช้
ในช่วงขาดแคลนโดยเฉพาะฤดูแล้ง การใช้ประโยชน์จากแหล่งต้นน้้าสามารถสรุปได้ดังนี้
1) ชุมชนมีสิทธิ์ในการใช้น้้า ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงแหล่งน้้าได้ แต่ในฤดูแล้งน้้าประปาขาด
แคลน เนื่องจากมีพื้นที่การเกษตรจ้านวน 460,000 ไร่ และประชากรในพื้นที่ 14,500 คน มีความ
ต้องการใช้น้้าในฤดูแล้งแต่น้้าไม่เพียงพอ เพราะไม่มีระบบชลประทานขนาดใหญ่ท้าให้ไม่สามารถเก็บ
กักน้้าไว้ใช้ประโยชน์ได้ อีกประการคือเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีขอบเขตติดกับอุทยานแห่งชาติ การดูด
น้้าชีมาใช้โดยการต่อท่อจะกลายเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า
2) พื้นที่มีจุดสูบน้้ามีอยู่ 3 จุด ขององค์การบริหารส่วนต้าบลที่สูบมาจากแม่น้้าชีโดยตรง
เป็นจุดสูบน้้าที่ห่างจากพื้นที่ป่าสงวน และเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งจะสูบน้้ามาใช้ได้เฉพาะในช่วงฤดู
ฝนเท่านั้น ส่วนในช่วงฤดูแล้งน้้าจะแห้งไม่สามารถน้าน้้ามาใช้ได้ การท้าการเกษตรในช่วงฤดูแล้งจึงมี
เฉพาะการปลูกพืชยืนต้น เช่น มะม่วง มะยงชิด ยางพารา เป็นต้น
3) ประชาชนในพื้นที่จะได้ใช้น้้าเพื่อการเกษตรได้ปกติในช่วงฤดูฝน โดยอาศัยน้้าท้านา
ซึ่งในพื้นที่สามารถใช้น้้าท้านาได้ครั้งเดียว พื้นที่ที่มีการปลูกอ้อยและพืชเศษฐกิจที่อาศัยน้้า เกษตรกร
ต้องสูบน้้าจากใต้ดิน โดยใช้แผงโซลาเซลล์ในการดูดน้้าขึ้นมาใช้รดน้้าต้นไม้ แต่ก็มีจ้านวนน้อยมาก
เพราะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง
4) แหล่งน้้าเปื้อนสารเคมี และมีการทิ้งขยะบริเวณพื้นที่ต้นน้้า แม้ว่าองค์การบริหารส่วน
ต้าบลจะเข้าไปประกาศประชาสัมพันธ์ห้ามทิ้งขยะ แต่ก็มีบางพื้นที่แอบทิ้งขยะโดยเฉพาะชุมชนที่
อาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งต้นน้้า ขยะส่วนใหญ่เป็นพวกถุงพาสติก และขวดน้้า นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาฆ่า